ได้แก่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 6,080 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 4,342 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้ว 38% มาจาก 7 โครงการ โดยมี Backlog รอรับรู้รายได้คิดเป็น 3,190 ล้านบาท ขณะที่รับรู้รายได้จาก GOLD จำนวน 1,900 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้บริษัทมีรายได้จากอสังหาริมทรพัย์เพื่อขาย 6,242 ล้านบาท
และบริษัทคาดจะมีรายได้อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอาคารสำนักงาน จำนวน 1,376 ล้านบาทเพิ่มจากปีก่อน 1,201 ล้านบาท โดยได้มาจาก GOLD ประมาณ 1,055 ล้านบาท และในส่วนบริษัท 314 ล้านบาท ซึ่งมาจากอาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ซึ่งมีอัตราเช่า 100% เต็ม
และจากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 1,230 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,057 ล้านบาท มาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นตันเพิ่มจาก 1.6 หมื่นตันจากปีก่อน โดยจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 15% ในปีนี้จาก 10% ในปีก่อน ขยายตลาดใหม่ที่อินโดนีเซียจากตลาดเดิมที่สิงคโปร์และเวียดนาม รวมทั้งราคาสังกะสีโลกปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติในปีนี้จะเติบโตทิศทางเดียวกับรายได้ จากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 175.3 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรลดลง 160% จากปีก่อน เพราะปี 55 มีกำไรจากการให้เช่าตามสัญญาเช่าทางการเงิน 169 ล้านบาท แต่กำไรจากการดำเนินงานมีจำนวน 67.5 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ ตั้งไว้ที่ 1,030 ล้านบาท แบ่งเป็น 600 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินสำหรับโครงการใหม่ 3 โครงการ และจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโครงการ ยู ดีไลท์ ท่าพระ-ตลาดพลู เป็นเงิน 430 ล้านบาท
นายวรวรรต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทโดยในไตรมาสแรกปีนี้ เปิด 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ ยูดีไลท์ เรสซิเดนซ์ พระราม3 มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 1 พันยูนิตบนพื้นที่ 6 ไร่ เปิดขายไปเมื่อม.ค.57 มียอดขายแล้ว 30% อีก 2 โครงการจะเปิดขายในมหกรรมบ้านและคอนโดฯที่เริ่มงานวันที่ 13 มี.ค.นี้ ได้แก่ โครงการ ยูดีไลท์@ ตลาดพลู สเตชั่น มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท มี 973 ยูนิตบนพื้นที่ 5 ไร่ และโครงการ ยู ดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท มีประมาณ 529 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่
ส่วนอีก 3 โครงการใหม่ยังอยู่ระหว่างซื้อที่ดิน คาดแต่ละโครงการจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 700-900 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่บริเวณพหลโยธิน 23 จำนวน 2 แปลงรวมพื้นที่กว่า 5 ไร่ ที่ติดปัญหาไม่ผ่านการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) บริษัทได้คืนเงินให้กับลูกค้าที่จองไว้ก่อนหน้าหมดแล้วเมื่อไตรมาส 4/56 และขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนโครงการว่าจะปรับลดขนาดโครงการเหลือพื้นที่ไม่เกิน 4 พันตร.ม. ซึ่งกรณีนี้จะไม่คุ้มค่าต่อผลตอบแทน เพราะความหนาแน่นน้อย หรืออาจจะปรับแผนมาสร้างโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งบริษัทเร่งศึกษาเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ทั้ง 2 แปลงดังกล่าวบริษัทได้จ่ายค่าที่ดินไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาโครงการอื่นที่บริษัทเข้าลงทุน เพราะบริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้ง อย่างไรก็ดี รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นธุรกิจหลัก (Core Business)
ในปีนี้สัดส่วนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 69% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า 15% ธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 14% และธุรกิจอื่น 2%