ANAN ตั้งเป้ารายได้แตะ 3 หมื่นลบ.ในปี 61 จาก 9 พันลบ.ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 10, 2014 16:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนเป้าหมายการเติบโตใน 5 ปี (57-61) จะมีรายได้อยู่ราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปี 59 จะมีการหาพันธมิตรร่วมลงทุน 51% และ 41% เป็นการลงทุนเอง โดยในปี 58 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.57 หมื่นล้านบาท และจะมีงานในมือ 6,764 ล้านบาท และปี 59 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 17,250 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการร่วมลงทุนกับพันธมิตร 4,000 ล้านบาท และจะมีงานในมือ 3,434 ล้านบาท ส่วนในปี 60 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ 26,900 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการหาพันธมิตรร่วมลงทุน 8,900 ล้านบาท รวมถึงปี 61 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ 29,700 ล้านบาท โดยจะมีรายได้จากการหาพันธมิตรร่วมลงทุน 7,000 ล้านบาท
"แผน 5 ปี ที่เราวางไว้มาจากการต่อยอดคอนโดมิเนียมที่ยังคงอยู่ในทำเลติดรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งจะนำเงินจากการขายคอนโดมาก่อสร้างเพื่อต่อยอดต่อไปเรื่อยๆ โดยเรามีหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า"

สำหรับปี 57 บริษัทตั้งเป้ามียอดขายอยู่ที่ 8.5-9.5 พันล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 9,050 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากงานที่มีอยู่ในมือ (Backlog) 6,356 ล้านบาท จากปัจจุบันมีงานอยู่ในมือ 8,147 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5,229 ล้านบาท แนวราบ 1,127 ล้านบาท โดยบริษัทฯเตรียมเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการมูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวโครงการแรกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยโครงการต่างๆนั้นยังเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนี่ยมติดรถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ IDEO ที่มีทำเลที่ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีก 8 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2.6 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น งบในการซื้อที่ดิน 5,850 ล้านบาท และงบในการก่อสร้างอีก 6,150 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถทำกำไรสุทธิได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 811.53 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีแผนที่จะบริหารต้นทุนทั้งในการขายและต้นทุนการตลาดให้ลดลงจากปี 56 ซึ่งจะส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก จากปัจจุบันอยู่ที่ 9% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะลดลงเหลือ 33% จากเดิมอยู่ที่ 37% เนื่องจากในปีนี้บริษัทฯจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนีย ELIO เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นจะน้อยกว่าโครงการ IDEO

นายเสริมศักดิ์ กล่าวถึงตลาดคอนโดมิเนียมว่า คงมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ในส่วนของบริษัทยืนยันว่าไม่รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ถึงแม้ว่าคอนโดฯ จะอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าก็ตาม เนื่องจากรถไฟฟ้ายังมีความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง และยังตอบสนองความสะดวกสบายของผู้ใช้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ