(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์หลังมีความคาดหวังยกเลิกใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยดาวโจนส์ไม่ได้แกว่งไปในทิศทางไหนชัดเจน และขณะนี้นักลงทุนยังเฝ้าติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอยู่ เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาค่อนข้างจะเหวี่ยงในช่วงนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,340 จุด แนวต้าน 1,350-1,355 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(10 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,418.68 จุด ลดลง 34.04 จุด (-0.21%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,877.17 จุด ลดลง 0.87 จุด (-0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,334.45 จุด ลดลง 1.77 จุด(-0.04%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 59.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 30.32 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 29.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.48 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 0.10 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(10 มี.ค.)ที่ 1,349.05 จุด ลดลง 6.03 จุด (-0.44%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 133.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มี.ค.57
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(10 มี.ค.)ที่ 101.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.46 ดอลลาร์หรือ 1.4%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดเมื่อวานนี้(10 มี.ค.)ที่ 6.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 32.37/39 รอความชัดเจนกนง.พรุ่งนี้
• ภาคเอกชนหนุนรัฐบาลยกเลิกใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวังฟื้นความเชื่อมั่น ขณะรัฐบาลคาดมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ ด้าน "เฉลิม" ระบุ ไร้ประโยชน์ เหตุอำนาจตามกฎหมายถูกจำกัดด้วยคำสั่งศาลแพ่ง
• เจพี มอร์แกน ห่วงการลงทุนภาครัฐ-เอกชน-การบริโภคฟุบ ผสมการเมืองวุ่นวายก่อความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำกว่าคาดได้ 3% ขณะที่กระทรวงคลังย้ำ เรทติ้งเอเยนซียังไม่มีแนวโน้มปรับมุมมองเครดิตประเทศในเชิงลบ แม้ไทยจะมีปัญหาการเมือง แต่จับตาโครงการจำนำข้าว หวั่นสร้างภาระผูกพันงบประมาณประเทศ
• วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราอ้างอิงเงินหยวนประจำวันลง 0.18% ลงมาอยู่ที่ 6.1312 หยวนต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงทันที 0.27% มาอยู่ที่ 6.1445 หยวนต่อเหรียญสหรัฐ
• สมาคมบล.หวั่นการเมืองยาวถึงไตรมาส 3 กระทบดัชนีต่ำกว่า 1,300 จุด ฉุดวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยเหลือ 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน ชี้ ผู้ประกอบการรับไม่ไหว โดยเฉพาะบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์ต่ำอาจขาดทุน เตรียมปรับแผนงานลดต้นทุน-หั่นการลงทุนใหม่ "ก.ล.ต." เชื่อมั่นฐานะการเงินโบรกเกอร์รับมือไหว แถมมีรายได้จากส่วนอื่นเสริม
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงชะลอตัวมากจากสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่แรงส่งจากการส่งออกยังแผ่ว คาดไตรมาสแรกหดตัว แต่คาด กนง.ยังคงดอกเบี้ยเก็บกระสุนห่วงเงินเฟ้อ-เสถียรภาพเศรษฐกิจ

*หุ้นเด่นวันนี้

• MC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 20 บาท เป็น Growth stock ด้วยกำไรเติบโต 22% ในปีนี้ซึ่งทำสถิติสูงสุดของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 (38%) และจะขยายจุดขายอีก 100 จุด เน้นรูปแบบ Free Standing Shop เพราะมีอัตรากำไรสูงกว่า Modern Trade มาก เราคาดสัดส่วนรายได้จาก Free standing shop จะเพิ่มเป็นกว่า 40% ในปีนี้จาก 38% ในปีก่อน ขณะที่การซื้อ Time Deco 51% จะช่วยขยายจุดจำหน่ายได้โดยใช้เงินลงทุนต่ำ ทำให้คาดว่า Net profit margin เพิ่มเป็น 24% จาก 2 ปีก่อนที่ยังอยู่ที่ 16%
• CPF(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 33 บาท คาดหวังเห็นการพลิกกลับมาของผลการดำเนินงานอีกครั้งในปี 2557 โดยที่ธุรกิจไก่จะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่ดิบจากไทย และธุรกิจหมูจะได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่ยังทรงตัวในระดับสูง จากซัพพลายหมูลดลงจากโรคระบาด แต่ไม่กระทบกับ CPF ขณะที่ธุรกิจกุ้งเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ของโรค EMS ได้เริ่มลดระดับลง ประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 ไว้ที่ 1.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7.06 พันล้านบาทในปี 2556
• ITD(เคเคเทรด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้าใหม่ 4.70 บาท สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มเห็นโอกาสที่จะมีรัฐบาลใหม่ได้ภายใน 1H57 เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น ทั้งนี้แม้ว่าในปี 2557 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับ ITD เนื่องจากโครงการใหม่ที่รอเปิดประมูลกว่า 50% มาจากภาครัฐ โดยประเมินกำไรปกติในปี 2557 ลดลง 22% YoY
• BTS(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 11.40 บาท คาดหุ้นกลุ่ม Defensive จะกลับมาเคลื่อนไหว Outperform ได้ในช่วงตลาดพักฐาน และราคาหุ้น BTS ยัง Laggard มาก อีกทั้งมี Catalyst ในระยะสั้นเพื่อสนับสนุนราคาหุ้น ได้แก่ การเก็งกำไรผลการประชุม กนง.ในวันพรุ่งนี้ โดยหากลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 2.00% จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และเป็น 1 ในหุ้นที่ถูกปรับเพิ่มน้ำหนักจากดัชนี FTSE จากดัชนี FTSE Small Cap ขึ้นสู่ FTSE Mid Cap และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 มี.ค. พร้อมคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจเดินรถไฟฟ้ามีความมั่นคงสูง และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี ปี 2557/2558