ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดขายลดลงมาอยู่ที่ 70-80% ของกำลังการผลิตจากช่วงปกติที่มียอดขายเกินกว่า 100% ของกำลังการผลิต ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเมือง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง
"ปีนี้เราคาดว่ารายได้จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แต่ถ้าการเมืองยังยืดเยื้อ หรือมีเหตุการณ์ไม่ดีเพิ่มขึ้น อย่างน้อยการเติบโตของรายได้ในปีนี้ก็ต้องมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตามในปีนี้เราก็จะเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Modern Trade โดยเฉพาะส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ที่จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯดีขึ้น"นายสาธิต กล่าว
สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ตั้งเป้าที่จะรักษาให้ไม่ต่ำกว่า 10% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 27-28% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยบริษัทฯมีแนวทางที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานโครงการเป็น 15% จาก 10% รวมถึงจะเน้นสัดส่วนรายได้จาก Modern Trade จาก 15% เป็น 25% และรายได้จากการส่งออกจาก 12% เป็น 20% ซึ่งจะช่วงอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯดีขึ้น
ในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงเครื่องจักร แต่จะยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนจัดตั้งโรงงานต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯศึกษาในประเทศ กัมพูชา และพม่า ซึ่งยังต้องมองความเป็นไปได้จาก 3 ข้อหลักคือ แบรนด์ต้องเป็นที่รู้จัก ต้องไม่เป็นภาระ และต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ จึงจะพิจารณาในการเข้าไปจัดตั้งโรงงาน