ก่อนหน้านี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์เจ จำกัด (JAM) ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหนี้สินที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว มีทิศทางเติบโตที่ดีจากการทยอยประมูลซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และบริษัท เจเอ็มที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือ JMTIB ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีบันทึกข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยที่ทำสัญญากับลูกค้ารายย่อยแล้ว 7 ราย ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย, บมจ.วิริยะประกันภัย, บมจ.แอลเอ็มจี ประกันภัย, บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.เมืองไทยประกันภัย, บมจ. เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.ทิพยประกันภัย พร้อมคาดปี 2558 จะมีรายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 10 ล้านบาท จึงมองว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ทีมผู้บริหารและทีมงาน
ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2/57 บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากหนี้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทั้ง 100% หลังเร่งตัดต้นทุนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว จะสนับสนุนให้ JMT เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต พร้อมตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีนี้เติบโตขึ้นอีกร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับภาพรวมตลาดสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมาก จากภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศและสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆ นำหนี้เสียออกมาขายมากขึ้น ทั้งหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อรถยนต์และจักรยานยนต์ จึงมองว่า จะส่งผลดีให้บริษัทฯ มีโอกาสซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในปีนี้เพิ่มอีก 13,000 ล้านบาท เป็น 43,000 ล้านบาท จากปี 2556 พอร์ตหนี้อยู่ที่ 31,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี 2557
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประกาศซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วจำนวน 4,143 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอข้อสรุปในการซื้อหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มอีก คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ สนับสนุนผลงานทั้งปี JMT จะเติบโตขึ้นมาก
“ภาพรวมตลาดสินเชื่อในปี 2557 ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากการแข่งขันอย่างรุนแรงของสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาล ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากโครงการรถคันแรก และความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เกิดปัญหาการว่างงาน รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ สถาบันการเงินต่างๆ จึงนำหนี้เสียออกมาขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเริ่มทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อในเมียนมาร์และการรุกธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทย่อย 2 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจการบริหารหนี้ที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว รวมทั้งนายหน้าประกันภัยที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ เชื่อ จะสร้างรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในอนาคต" นายปิยะ กล่าว