บริษัท Prism Solution มีทุนจดทะเบียนปัจจุบันราว 20 ล้านบาท ขณะที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมีกำไรต่อเนื่องเกิน 3 ปี ซึ่งการเข้าจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนด้านฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ใช้ (user) ให้กับบริษัทฯได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯอาจมีการทบทวนเป้าหมายรายได้ในปีนี้ จากที่คาดว่าจะเติบโต 10-12% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.87 หมื่นล้านบาท หลังจากผลประกอบการในไตรมาส 1 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าหดตัวลง และการใช้จ่ายภาครัฐ ในเรื่องของการลงทุนโครงการชะลอลงไป
ขณะเดียวกันยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 15-20% จากตลาดต่างประเทศยังเติบโตได้ดีอยู่ ขณะที่ในประเทศตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯจะเน้นการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"รายได้ปีนี้คาดว่าจะมีการ revise อีกครั้งหนึ่งหลังหมดไตรมาสแรก โดยมองว่าไตรมาส 1 สถานการณ์โดยรวมไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัญหาทางการเมืองส่งให้กำลังซื้อหดตัวลง และการลงทุนภาครัฐชะลอออกไป"นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเดินหน้ารุกตลาดอาเซียนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเปิด AEC โดยในไตรมาส 2/57 นี้คาดว่าจะสามารถตั้งสำนักงานขายหรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศกัมพูชาได้ จากปัจจุบันที่มีฐานตลาดอาเซียนอยู่ในพม่าและลาว คาดว่ารายได้จากกลุ่มประเทศดังกล่าวในปีนี้จะเติบโตมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาหรือมียอดขาย 300-400 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดขายอยู่กว่า 100 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ยังมาจากประเทศพม่ากว่า 70% และลาว 30% สำหรับตลาดกัมพูชา อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสทางการตลาดของกลุ่มสินค้าและการหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยคาดหวังจะมีรายได้จากการทำตลาดในประเทศกัมพูชา ภายในไตรมาส 2/57 นี้ อย่างไรก็ตามสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศยังคงน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัทฯ
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีในปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 3-5% โดยได้แรงหนุนจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แม้จะเติบโตไม่หวือหวามากนัก ตามภาพรวมเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน แต่มองว่าปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพของบริษัทฯจะยังคงเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน