นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้เป็น 25% จาก 6.3% และ 50% ใน 3 ปี
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ EUREKA เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะมีการเติบโตราว 25% หรืออยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท โดยขณะนี้มีงานอยู่ในมือ (backlog) มูลค่า 150 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 1/57 ราว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเน้นการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง หลังภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศซบเซา จากผลกระทบด้านการเมือง แต่คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะค่อยๆฟื้นตัวในไตรมาส 3/57 หลังจากปัจจัยทางการเมืองนิ่ง ทั้งนี้คาดว่า สัดส่วนรายได้ในต่างประเทศปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 6.3% โดยในช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งพนักงานไปประจำแล้วที่สาขาอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือน เม.ย. นี้ ขณะที่สาขาต่อไปในประเทศอินเดียล่าสุดได้ลงนามเศ็นสัญญาเช่าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว คาดจะเปิดได้ตามแผนงานในเดือน ก.ค. นี้ พร้อมตั้งเป้าหมายใน 3 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50%
นอกจากนี้ จะเน้นการบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม ควบคู่กับการบริการและดูแลอย่างใกล้ชิด "ปีนี้เป็นปีที่วัดฝีมือว่าใครเป็นของจริง ก็ฝากติดตาม EUREKA ต่อไป โดยเรามีเป้าหมายต้องการขยายฐานตลาดต่างประเทศ เพื่อที่จะกระจายฐานรายได้และลดความเสี่ยง ซึ่งที่ผ่านมาได้เตรียมตัวสำหรับการขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งเรื่องบุคลากรและเทคโนโลยี ทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากนักในช่วงที่เจอวิกฤติจากในประเทศ" นายนรากร กล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯได้ทำการเซ็นสัญร่วมเป็นพันธมิตร กับบริษัท Deisei Kikai จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯจะเป็นผู้ผลิต ส่วน Deisei Kikai เป็นผู้ออกแบบ ช่วยเพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่ให้กับบริษัทฯ โดยการร่วมมือครั้งนี้บริษัทฯได้มีการเจรจามาตั้งแต่ปี 55 ช่วยใหบริษัทฯมีความเข็งแกร่ง และได้รับ knowhow จาก Deisei Kikai สำหรับแนวโน้มในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เมือเทียบกับปีก่อน ยอดขายรายได้ยังถือว่าใกล้เคียงกับปีก่อน แต่มีผลกระทบกับยอด Booking ที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น
"ช่วงต้นปีรายได้ยอดขายของเราก็ยังถือว่าใกล้เคียงกับปีก่อน แต่มีผลกระทบต่อยอด booking ที่ไม่มีความแน่นอนสูงขึ้น เพราะบางรายก็มีการชะลอออกไป แต่บางรายก็ยังคงเหมือนเดิม เราก็ต้องคอยเช็กทีละราย"นายนรากร กล่าว
นายนรากร กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการผู้ถือหุ้น มีมติอนุมัติ ออกหุ้นเพิ่มทุน 17 ล้านหุ้น โดยจะเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เม.ย. คาดว่าจะได้เงินราว 70 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อที่จะเพิ่มสภาพคล่อง และเป็นเงินลงทุนในอนาคต ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรกับ บริษัทอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องจักรในประเทศไทย โดยบริษัทมีความสามารถในการผลิตเครื่องทดสอบการรั่วระดับ A ที่ทางบริษัทฯยังไม่สามารถผลิตได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเจรจาสำเร็จก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
"เราเพิ่มทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และเตรียมเงินเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งเราได้เจรจากับบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นมานาน 5 ปีแล้ว เราก็คาดว่าจะเจรจาจบก่อน AEC จะเปิด ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถผลิตเครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และผลิตเครื่องทดสอบการรั่วระดับ A ได้จากปกติเราผลิตได้แค่ระดับ B กับ C" นายนรากร กล่าว