ขณะที่การขยายสาขายังคงเป็นตามแผน ที่จะขยายสาขา BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET ในประเทศ จำนวน 65 สาขา และเปิดสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ในต่างประเทศ (กลุ่มประเทศ CLMV : กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) จำนวน 13 สาขา
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯมองว่าจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น จากที่บริษัทฯมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สัดส่วน 50:50 โดยจะมีบางสาขาที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองในพื้นที่ชุมนุมซึ่งยอดขายเฉลี่ยเติบโต 5-6% ขณะที่บางสาขาในกรุงเทพฯยังคงสามารถสร้างยอดขายได้ดีหรือเติบโตไม่กว่า 10% อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลงแล้วก็มองว่าแนวโน้มจะกลับมาดีขึ้น
สำหรับปี 57 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการขายและการทำกำไรให้เพิ่มมากขึ้น และควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตากำไรสุทธิ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
โดยบริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขาในประเทศ แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET จำนวน 30 สาขา BEAUTY COTTAGE 20 สาขา และ BEAUTY MARKET 15 สาขา รวมเป็น 65 สาขา โดยจะเน้นไปที่หัวเมืองขนาดใหญ่ในต่างจังหวัดมากขึ้นซึ่งมีกำลังซื้อที่สูง และยังมีแผนเปิดสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ในต่างประเทศโดยจะขยายเข้าไปในประเทศกลุ่ม CLMV กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จำนวน 13 สาขา ซึ่งบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ต่อสาขา 180-200 ล้านบาท และอีก 160 ล้านบาทจะเป็นการลงทุนสร้างคลังสินค้า โดยจะมาจากกระแสเงินสดและเงินฝากของธนาคารที่มีอยู่ ซึ่งบริษัทฯมีการตั้งเป้ายอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้เติบโตไม่ต่ำกว่า 6%