แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/57 จะออกมาดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 1,800 ล้านบาท ซึ่งรับรู้ในปีนี้ 60% ที่เหลือทยอยรับรู้ในปีหน้า
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ CCP เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดรายได้ปี 57 เติบโต 10% ขณะที่บริษัท สมาร์ท คอนกรีต จำกัด มีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50% จากเดิม 3 ล้านตารางเมตร/ปี เพิ่มเป็น 4.5 ตารางเมตร/ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในส่วนขยายตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ โดยวางงบลงทุนไว้ทั้งสิ้น 150 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีงานในมือปัจจุบัน (Backlog) อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในช่วงกลางปีนี้ 60% และจะรับรู้รายได้ในส่วนที่เหลือไปจนถึงกลางปี 58
ส่วนกำไรปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 392 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีรายการพิเศษขายสิทธิ์คืนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกันยง โฮมสเตร์ สาขาพัทยา ของบริษัท ชลบุรีกันยง จำกัดไปเมื่อปีก่อน จึงทำให้ในปีนี้ไม่มีรายการพิเศษเข้ามา
ด้านโครงการใหม่ๆของรัฐบาล บริษัทฯยังไม่มีการประมูลเพิ่มเติม แต่บริษัทยังมีรายได้จากส่วนราชการท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาโดยปัจจุบันได้มีโครงการป้องกันน้ำท่วม ปรับปรุงการระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมของท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด และ องค์การบริหารส่วนตำบล ของจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกมาทดแทน และรายได้อีกส่วนหนึ่งจาก นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จ.ชลบุรีและจ.ระยอง ที่ตื่นตัวเตรียมป้องกันปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจากการปรับกลยุทธ์และปัจจัยดังกล่าว ทางบริษัทจึงมั่นใจผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนเรื่องของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าก็ไม่มีผลต่อธุรกิจของบริษัทเนื่องจากบริษัทไม่ได้คาดหวังในส่วนนี้ ประกอบกับธุรกิจหลักของบริษัทเป็นการทำธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการคมนาคม วางท่อ คอนกรีต เป็นส่วนใหญ่ 75% ซึ่ง 25% จะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 1 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี เป็นผลจากความต้องการคอนกรีต วัสดุก่อสร้างในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานโครงการต่างๆในเขตภาคตะวันออก แม้ปัจจุบันหลายฝ่ายจะมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศและการชะลอตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากโครงการที่มีการเปิดตัวไปในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และมีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่องจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้บริษัทเตรียมนำบริษัท สมาร์ คอนกรีต จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยอยู่ระหว่าการพิจารณาจาก ก.ล.ต.อีกครั้ง หลังศาลฎีกาตัดสินภายในวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งยกฟ้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากผ่านการพิจารณาของ ก.ล.ต.บริษัทจะมีเวลา 6 เดือนในการเข้าทำการซื้อขายได้ โดย บริษัท สมาร์ คอนกรีต จำกัด มีทุนจดทะเบียน 460 ล้านบาท