เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนที่กลับมาตึงเครียด ภายหลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่าทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังทหารไปประชิดที่ยูเครนอีกครั้ง และทางรัฐสภาของยูเครนก็ได้ตั้งกองกำลังพิเศษขึ้นมาเพื่อปกป้องประเทศ อย่างไรก็ดี ทุกคนต่างรอดูวันอาทิตย์นี้(16 มี.ค.)ที่จะมีการลงประชามติซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงจะปรับตัวลงไม่มาก และมีโอกาสที่จะฟื้นได้ในช่วงบ่าย เนื่องจากทางศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.)ได้เตรียมที่จะใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน หลังจากที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้หมดอายุลง ในการประชุมครม.ครั้งหน้า ซึ่งคงจะช่วยทำให้ Sentiment แข็งแรงขึ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(13 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,108.89 จุด ลดลง 231.19 จุด (-1.41%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,846.34 จุด ลดลง 21.86 จุด (-1.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,260.42 จุด ลดลง 62.91 จุด(-1.46%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 289.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 144.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 50.06 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 18.31 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 14.16 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.78 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 32.35 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.61 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(13 มี.ค.)ที่ 1,370.50 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด (+1.04%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,092.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(13 มี.ค.)ที่ 98.2 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.21 ดอลลาร์หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดเมื่อวานนี้(13 มี.ค.)ที่ 6.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.33/35 แนวโน้มแกว่งแคบ เกาะติดปัจจัยใน-ตปท.
- สำนักงบชงรัฐบาลใหม่ เพิ่มขาดดุลงบประมาณปี 2558 เป็น 5 แสนล้าน วงเงินรวม 2.7 ล้านล้าน หลังร่างพ.ร.บกู้ 2 ล้านล้าน ล่ม ต้องโยกโครงการมาใช้งบปกติ รับกระทบแผนงบสมดุลอาจล่าช้าออกไปจากปี 2560 ด้านสศค.แนะทางออกใช้งบลงทุนโดยดึงเอกชนร่วมลงทุน ขณะสศช.คาดเศรษฐกิจยังโตได้ 3%
- 3 สมาคมอสังหาฯ ห่วงทิ้งดาวน์คอนโด ต่างจังหวัดพุ่ง เหตุไม่มีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังพับโครงการ 2 ล้านล้าน นักเก็งกำไรอ่วม คาดราคาที่ดินต่างจังหวัดร่วง 50% ระบุการลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่กระตุ้นกำลังซื้อ
- เลขาฯสมช.แย้มชงครม."เลิก-ไม่ต่ออายุ" พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แจง 3 เหตุผล "ม็อบลดระดับ-ติดคำสั่งศาลแพ่ง-ภาคธุรกิจ เรียกร้อง" เตรียมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงสวมต่อพื้นที่เดิมทันที ด้าน"ธาริต" เผยที่ประชุม ศรส.หนุนเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่สั่งเดินหน้าดำเนินคดีผู้ต้องหากบฏ
- สมาคมไทย-จีนทวงยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวั่นสูญรายได้ 7,500 ล้านช่วงสงกรานต์, นายวิชิต ประกอบโกศล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีนเปิดเผยว่า เอกชนท่องเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็ว
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.น่าจะรอเวลาให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลายกว่านี้ จึงตัดสินใจลดดอกเบี้ยในคราวเดียว 0.5% เพราะเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยคราวเดียวในอัตราแรงๆ จะมีผลกระตุ้นการบริโภคการลงทุนได้ดีกว่า เนื่องจากขณะนี้แรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อมีน้อย จึงไม่จำเป็นต้องตรึงดอกเบี้ยในระดับที่สูงต่อไป
- บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.)นำทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ประเภทบ้านพร้อมอยู่ ที่ดินพร้อมใช้ จำนวน 323 รายการ มูลค่า 8,771 ล้านบาท มาเสนอขายในราคาลด พิเศษ 20-30% และฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ หากราคาขายไม่เกิน 2 ล้านบาท ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดวันที่ 13-16 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
*หุ้นเด่นวันนี้
- PCSGH(บมจ.พี.ซี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง)เข้าเทรดในตลาด SET วันนี้วันแรก ในหมวดธุรกิจยานยนต์ บล.ทิสโก้ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสม 10.30 บาท จากราคาขาย IPO 8.60 บาท/หุ้น โดยคาดว่าผลประกอบการของ PCSGH จะเพิ่มขึ้น 13.5% สำหรับปี 2557F เป็น 1.58 พันล้านบาท (1.03 บาท EPS หลัง IPO) โดยสมมุติฐานอ้างอิงรายได้ปี 2557F ที่เพิ่มขึ้น 13.5% และอัตรากำไรขั้นต้น 35% และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขายที่ 3.1%
- AOT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 220 บาท การยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯในสัปดาห์หน้า และการชุมนุมทางการเมืองที่ลดขนาดลงถือว่าเป็นปัจจัยหนุนของราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ AOT ยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มการบิน โดยที่ในปี 2557 เราประเมินจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นผลจากจำนวนผู้โดยสารของกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 32% และการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวในสนามบินภูมิภาคที่มีผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองน้อยกว่า ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติในปี 2557 ไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY
- MINT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27 บาท หุ้นกลุ่มโรงแรมได้ประโยชน์ในเชิง Sentiment จากศรส.เสนอ ครม.ยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ 18 มี.ค.57 และการชุมนุมทางการเมืองที่ลดขนาดลง ขณะที่ MINT เป็นหุ้นที่ต่างชาติซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากสุดในปี 57 ราว 790 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ (Actual + NVDR) ขยับขึ้นจาก 40.9% ณ สิ้นปี 56 มาที่ 43.0% ประเมินกำไรสุทธิปี 57-58 โตต่อเนื่อง 8.3% และ 27.5% YoY ตามลำดับ
- TOP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 60 บาท หุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาส Outperform สัปดาห์หน้าจากผลการลงมติของแคว้นไครเมียวันอาทิตย์นี้อาจเป็นปัจจัยสร้างความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย และส่งผลให้เกิดแรงเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบ NYMEX ให้ดีดตัวขึ้นสูงกว่าระดับ US$100.00/barrel พร้อมคาดกำไรสุทธิ 1Q57 เติบโตโดดเด่น จากค่าการกลั่นเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง +50% qoq เป็น US$6.4/barrel และจะเห็นการฟื้นตัวเด่นที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น และเงินบาทแข็งค่า 0.30 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ใน 1Q57 จะส่งผลให้งบฯ 1Q57 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ จากผลขาดทุนสุทธิใน 4Q56