บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น บมจ.พี.ซี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง(PCSGH) โดยวิธี PER ได้ 11.00 บาท ให้ PER 12.5 เท่า ซึ่งเป็นค่า Avg PER-0.5SD ของอุตสาหกรรม จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังทรงตัว โดยคาดผลประกอบการปี 57 รายได้อยู่ที่ 5,081 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 1,368 ล้านบาท หรือ 0.89 บาทต่อหุ้น (Fully Diluted)
PCSGH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น(Holding Company)ที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทที่ใช้ความแม่นยำสูง(Machining Products)ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบรถยนต์รายใหญ่ในประเทศ แนวโน้มอุตสาหกรรมยังคงทรงตัว และบริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรดีเยี่ยม ประกอบกับฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ คาดผลประกอบการปี 57 ยังไม่โดดเด่นหลังจากหมดนโยบายรถคันแรก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้อาจจะไม่ขยายตัวมากนัก จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยอดตัวเลขการผลิตรถในปี 56 อยู่ที่ 2.45 ล้านคัน ซึ่งโตขึ้น ร้อยละ 0.14 จากปี 55 ส่งผลให้ผลประกอบการปี 56 ลดลงจากปีก่อน โดยรายได้อยู่ที่ 5,124 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 30 จาก ร้อยละ 35 ในปี 55 เนื่องจากมีค่าเสื่อมราคาจากเครื่องจักรที่นำเข้ามาเพื่อการผลิตชิ้นส่วนที่คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 58 ทำให้กำไรสุทธิสำหรับปี 56 อยู่ที่ 1,377 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้ปี 57 คาดไว้จะอยู่ที่ 5,081 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 1 เนื่องจากบริษัทได้มีการตัดยอดขายในส่วนที่ไม่ใช่ยานยนต์ออกไป จะเน้นเฉพาะชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความถนัด โดยในปี 55 สัดส่วนยอดขายที่ไม่ใช่ชิ้นส่วนยานยนต์ประมาณ 6% ของยอดขายรวม และยอดการผลิตลดลงบางส่วนจากยอด Order พิเศษที่ได้รับจากผู้ผลิตรถยนต์ในช่วงที่ผู้ผลิตบางรายโดนน้ำท่วมเมื่อปี 54 ได้ลดลงหลังจากผู้ผลิตดังกล่าวเริ่มกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ทำให้กำไรสุทธิลดลงมาเหลือ 1,368 ล้านบาท
และคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตเล็กน้อยจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังชะลอตัว แต่ส่งออกน่าจะเริ่มฟื้นตัวทำให้โดยภาพรวมแล้วจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 5-10 สำหรับปี 57 ในส่วนของปี 58 คาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมจะกลับมาเติบโตได้ปกติร้อยละ 10-15 ทั้งจากยอดขายในประเทศและยอดส่งออก จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น