สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 1.2 ปี, 5.3 ปี และ 3.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 15,447 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI17OA) มูลค่า 288.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP273A) มูลค่า 274.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 152.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 715.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,537 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,608 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,710 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.19% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลง ในตราสารทุกช่วงอายุ ประมาณ 1-2 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนสภาบันในประเทศ โดยนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของจีน ที่ทยอยประกาศออกมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ประกอบกับความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศยูเครน สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 4,710 ล้านบาท