นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทบรรลุความสำเร็จในการลดต้นทุนทำให้กำไรในปี 56 เติบโตทะลุ 1 พันล้านบาท แต่สิ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร็จคือการเติบโตยังต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่ในปี 56 เติบโตราว 10% แต่ KTC เติบโตในระดับ 4-5% จากในปี 55 ที่ภาพรวมเติบโตถึง 21% แต่ KTC เติบโตเพียง 2%
ดังนั้น ในปี 57 นี้ KTC จึงตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างก้าวกระโดดในระดับ 15% ขณะที่กำไรมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.3 พันล้านบาท
"เราไม่เคยทำได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ วันนี้ไม่มีใครอยู่เฉยๆ...วันนี้เราไม่เหมือน 2 ปีที่ผ่านมา"นายระเฑียร กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าบัตรเครดิต 1.5-1.6 ล้านใบ ขณะที่ลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 6 แสนราย และมีสินทรัพย์ในระดับ 5.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 56 ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ายอดลูกค้าบัตรเครดิตใหม่เพิ่มอีก 4 แสนใบ และลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีก 1.3 แสนราย แม้ว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังเติบโตได้เล็กน้อย และเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีน่าจะดีขึ้นอีก โดยเบื้องต้นจะพยายามผลักดันให้ทำได้อย่างต่ำ 65% ของเป้าหมายภายใน 6 เดือนแรก
"ปีนี้มีปัญหาการเมืองอาจโตน้อย ต้องแย่งเอาปลาในบ่อกับเพื่อน หลังๆ จะโตได้มากขึ้น แต่รายที่เป็นที่ 1 ตอนนี้มีบัตรมากกว่าเรา 1 เท่าตัว แต่มีกำไรมากกว่าเราไม่เกิน 20-30% อยู่ที่กระบวนการ วิธีการจัดการ เป้าหมาย 5 ปีไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินคาด"นายระเฑียร กล่าว
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต KTC กล่าว่า บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าเป้าหมาย 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้าระดับกลาง-บน และ กลุ่มที่เพิ่งจบการศึกษา ซึ่งขณะนี้ 80% ของลูกค้าบัตรเครดิตมีฐานรายได้ราวเดือนละ 1.5-7 หมื่นบาท โดย KTC จะกลับมาทุ่มงบด้านการตลาดอีกครั้งกว่า 2 พันล้านบาทในปีนี้เพื่อทำโปรโมชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาได้ชะลอการใช้งบในส่วนนี้ช่วงที่มีการปรับปรับแก้ไขกระบวยการภายในองค์กรและลดต้นทุนดำเนินการ
บริษัทจะร่วมมือกับ KTB และพันธมิตรที่เป็นร้านค้าต่าง ๆ (strategic partner) ให้มากขึ้น เพื่อให้สิทธิพิเศษกับลูกค้ามากกว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายอื่น ซึ่งที่ผ่านมาความร่วมมือการทำโปรโมชั่นกับ KTB ได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี โดยเฉพาะการนำ point ไปแลกเป็นสิทธิในการฝากเงินเพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ก็จะมีการพัฒนาโปรโมชั่นในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มขึ้น ส่วนความร่วมมือกับร้านค้าก็จะเน้นไปยังร้านที่เป็น stand alone มากขึ้น มีฝ่าย Q&A ที่เข้ามาสนับสนุนด้านการตลาด
นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจสินเชื่อบุคคล KTC กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 1.38 แสนล้านบาท ภายใต้กลยุทธปรับปรุงคุณภาพในการให้บริการ โดยเฉพาะการอนุมัติสินเชื่อให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้าสามารถใช้บริการผ่านออนไลน์ได้ รวมถึงการแลกคะแนนสะสม และการกดเงินสด
ด้านนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส Corporate Finance KTC กล่าวว่า บริษัทยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากฐานะทางการที่แข็งแกร่ง โดยขณะนี้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 7.5 เท่า ลดลงจาก 8.5 เท่าเมื่อสิ้นปี 55 หากสามารถทำกำไรในปีนี้ได้ในระดับ 1.3 พันล้านบาท บริษัทก็ยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายที่ 40% ของกำไร ก็จะมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นอีก 700 ล้านบาท รองรับการขยายสินเชื่อได้อีกมาก
นอกจากนั้น KTC ยังตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 5.09 พันล้านบาทครอบคลุมตลอดทั้ง 12 เดือนแล้วโดยไม่ต้องสำรองเพิ่ม ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากคู่แข่งตั้งสำรองไว้รองรับได้เพียง 3 เดือน ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)อยู่ในระดับ 1.47% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับ 3.5% และมีอัตรา recovery ในระดับ 20% ดังนั้น KTC จึงมีความพร้อมด้านฐานการเงินที่จะสนับสนุนการแข่งขันให้กับทางด้านการตลาดได้เป็นอย่างดี