โดยเฉพาะการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจแบงก์แอสชัวร์รันส์กับธนาคารธนชาต เป็นระยะเวลา 15 ปี รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของธนชาติประกันชีวิตจะเสริมให้บริษัทมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนการมองหาซื้อกิจการอื่นอีกหรือไม่นั้น มองว่าตอนนี้มุ่งมั่นสร้างดีลกับพันธมิตรธนชาตให้แข็งแกร่งต่อไปก่อน ยังไม่คิดจะซื้อกิจการเพิ่มในช่วงนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารยูโอบี ระยะเวลา 12 ปี และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ (ไทย) ระยะเวลา 15 ปี เริ่มจากปีนี้ (57) เป็นการตอกย้ำว่าเรายังแข็งแกร่งต่อไป
จากการที่บริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจ สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารรวมกันกว่า 800 สาขาทั่วประเทศ ส่งผลให้ปี 56 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจรายใหม่จากช่องทางนี้รวมกัน 5400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 185% และขายผ่านช่องทางขายตรง 429 ล้านบาท เติบโต 53% ส่งผลให้ปี 56 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่ (เบี้ยใหม่ปีแรก)เติบโตเพิ่มขึ้น 160% มาอยู่ที่ 6000 ล้านบาท อยู่อันดับ 7 ของตลาด
ทั้งนี้ การซื้อกิจการธนชาตประกันชีวิตเข้ามาปัจจุบันมีการรวมพนักงานธนชาตฯมารวมเป็นของบริษัทหมดแล้ว โดยทุกผลิตภัณฑ์ของธนชาตยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัท
นายวิกร ฐิติกวิน ผู้อำนวยการบริหารตัวแทน กล่าวว่า ปี 57 ตั้งเป้าช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนเติบโต 100% เพราะ 2 เดือนแรกสามารถเติบโตได้กว่า 80% แล้ว เมื่อถึงสิ้นปีก็น่าจะโตเป็นเท่าตัวได้ โดยช่วง 2-3 เดือนแรกของปีนี้มีตัวแทนเพิ่มกว่า 400 คน รวมเป็น 2,000-3,000 คน ซึ่งการขายผ่านช่องทางตัวแทนจะเข้าถึงคนหลากหลายกลุ่มมากขึ้น