นอกจากนี้ยังคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนด้วย หลังจากที่ไครเมียยอมไปอยู่กับรัสเซีย และทางฝั่งชาติตะวันตกก็ไม่ได้ใช้กำลังทหาร แต่ใช้การเจรจาและมาตรการกดดันทางการฑูตแทน
ส่วนตลาดบ้านเราก็มีปัจจัยบวกจากการนำเรื่องการยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้าครม.ในวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,385-1,390 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(17 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,247.22 จุด เพิ่มขึ้น 181.55 จุด (+1.13%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,858.83 จุด เพิ่มขึ้น 17.70 จุด (+0.96%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,279.95 จุด เพิ่มขึ้น 34.55 จุด(+0.81%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 213.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 75.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 47.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.49 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.62 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(17 มี.ค.)ที่ 1,377.10 จุด เพิ่มขึ้น 4.92 จุด (+0.36%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,538.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มี.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(17 มี.ค.)ที่ 98.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.81 ดอลลาร์หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดเมื่อวานนี้(17 มี.ค.)ที่ 5.76 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.21/23 แนวโน้มแข็งค่า รอผล FOMC
- แบงก์ชาติระบุสัญญาณหนี้เสียรถมือสองพุ่ง หลังลูกค้ายอมทิ้งหันไปซื้อรถใหม่ ผู้ค้าระบุ ภาพรวมตลาดยังทรุดหนัก ยอดขายร่วงต่อเนื่อง 50% ผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว พิษรถคันแรกเร่งปรับตัว เพิ่มช่องทางขาย ปรับพอร์ต ลดขนาดธุรกิจ ขณะที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นเดินหน้ารุกไทย ดันตลาดเข้าสู่ยุคโมเดิร์นเทรด เล็งขยายเครือข่าย 100 แห่ง ปีหน้า
- 6 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ "ถอย" ไม่ทำหน้าที่คนกลางเจรจา "รัฐบาล-กปปส." ขอเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก เปิดทางให้คู่ขัดแย้งหลักเสนอชื่อฝ่ายละ 10 คนเพื่อนำมาหาชื่อซ้ำกัน 5 ชื่อตั้งเป็น "คณะคนกลาง" ด้าน "เอกนัฏ" ปัดเสนอชื่อ อ้างผู้ชุมนุมไม่ได้ริเริ่มขอเจรจา ขณะที่ "สมชาย" แนะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
- นักวิชาการทีดีอาร์ไอชี้ถึงเวลาต้องรื้อกฎหมายการเงินการคลังของประเทศใหม่ทั้งระบบ ควรมีการตรวจสอบความคุ้มค่าการใช้จ่ายงบประมาณดำเนินโครงการของรัฐบาล ซัดนโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้ทำเศรษฐกิจป่วน หลังตรวจพบมีการใช้งบประมาณแบบไม่จำกัดในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมเสนอจัดตั้ง Thai PBO วิเคราะห์เศรษฐกิจในระดับมหภาค
- ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงโครงการลงทุนพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ว่าแม้จะสะดุดเพราะขัดรัฐธรรมนูญ แต่โครงการลงทุนที่จำเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.22 ล้านล้านบาท น่าจะดำเนินการต่อไปได้ด้วยงบประมาณปกติ ทั้งรถไฟรางคู่ ท่าเรือ ถนนเชื่อมสายต่างๆโดยจัดสรรงบแต่ละปีไม่ถึง 2 แสนล้านบาทระยะเวลา 6 ปี ก็สามารถทำได้
- นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จะเข้าไปหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณานำงบลงทุนซึ่งอยู่ในแผน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ปีแรก 2.5 แสนล้านบาท เข้าไปอยู่ในงบประมาณปี 58 ตามคำชี้แนะของศาลรัฐธรรมนูญและผู้เกี่ยวข้อง ที่ตั้งข้อสังเกตว่าควรจะใช้งบประมาณปกติ แทนการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน
- 3 ค่ายรถจากญี่ปุ่น และอินเดีย เพิ่มบทบาทประเทศไทย ยกเป็นฐานสำคัญต่อธุรกิจระดับโลก ซีอีโอ "มาสด้า" บินมาประกาศชูไทยเป็นหนึ่งเสาหลัก เผยเข้าเปิดอกคุยกับรัฐบาลจริงจัง เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 ด้าน "มิตซูบิชิ" ทุ่มลงทุน 500 ล้านบาท สร้างสนามทดสอบนอกญี่ปุ่นแห่งแรก ขณะที่ "ทาทา" ตัดสินใจลุยตลาดไทยต่อ เพิ่มทุนบริษัทอีกพันล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- GLOW(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 80 บาท ประเด็นเด่นที่สุดในปี 2557 คือการที่โรงไฟฟ้า GHECO-One และ HHPC ซึ่งมีสัดส่วนกำไร 37% และ 5% ของกำไรสุทธิรวม จะสามารถกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติตามแผนที่บริษัทวางไว้ โดยเฉพาะ GHOECO-One ที่บริษัทตั้งเป้าค่าความพร้อม (Availability rate) จะเพิ่มขึ้นมาเป็น92%จาก 76% ในปี 2556 ขณะที่โรงไฟฟ้า HHPC กลับมาพร้อมผลิตไฟฟ้าเต็มในเดือน ก.พ.2557 หลังจากสามารถแก้ไขปัญหาระบบสายส่งที่เสียหายจากเหตุภัยธรรมชาติในช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 เพิ่มขึ้น 17.3% YoY
- TTCL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 39 บาท จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศจำกัด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานในต่างประเทศถึง 88% ในเชิงของผลการดำเนินงานในปี 2557-2558 มองจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยประเมินรายได้ในปี 2557 และ 2558 จะเพิ่มขึ้น 30% และ 20% YoY ตามลำดับ จากงานในมือปัจจุบันที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และมีงานใหม่ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาในปี 2557 อีกราว 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีการกระจายฐานรายได้ไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้ 23% ในปี 2557 เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 และ 2558 เพิ่มขึ้น 42% และ 36% YoY ตามลำดับ
- SCC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 500 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q57 จะเติบโตสูง qoq เมื่อเทียบกับ 4Q56 ที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานปิโตรเคมี จากแรงหนุนของธุรกิจปิโตรเคมี และได้ประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากเป็นสายการผลิตแบบ Naphtha Base จึงส่งผลบวกต่อ Spread เมื่อราคาน้ำมันขยับลง พร้อมคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวเนื่องจากธุรกิจมีความแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำธุรกิจปูนใหญ่และปิโตรเคมีในตลาดอาเซียน และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 15.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.5%
- AP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 6.10 บาท ราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 เพียง 6.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 11.3 เท่า และจะขึ้น XD เงินปันผลปี 56 หุ้นละ 0.25 บาท ในวันที่ 7 พ.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +21.4% yoy เป็น 2,443 ล้านบาท และประมาณการรายได้ปี 2557 มี Backlog รองรับแล้วราว 55% จึงเชื่อว่าหากปัจจัยการเมืองเริ่มคลายในช่วงปลาย 2Q57 จะส่งผลบวกต่อยอดขายของกลุ่มที่อยู่อาศัย