และจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ในปี 57 บริษัทประมาณการณ์รายได้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาทน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงรักษาสภาพคล่อง (Cash Flow) ในระดับสูง มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)เพียง 0.69 และได้ปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว
สำหรับความคืบหน้าการขยายโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง(CBG) จำนวน 20 แห่ง ในภาคเหนือและอีสานนั้น ปัจจุบันบริษัทฯสามารถขึ้นโครงการดังกล่าวได้แล้ว 5 แห่ง โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มการก่อสร้างแล้ว 2 แห่งส่วนที่จังหวัดลำปาง ศรีสระเกษ และขอนแก่น ได้ที่ดินเพื่อทำการปลูกสร้างแล้วกัน จึงคาดว่าในปี 57 บริษัทฯน่าจะก่อสร้างโครงการ CBG ได้ประมาณ 12 แห่งตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉลี่ยบริษัทฯจะก่อสร้างโครงการ CBG เดือนละแห่ง
อย่างไรก็ตาม นายกิตติ กล่าวว่า หลังจากโครงการ CBG ก่อสร้างเสร็จ และเริ่มเดินเครื่องผลิต น่าจะทำให้มีรายได้จากด้านพลังงานมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 58 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปี 57 ที่คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจพลังงานประมาณ 20-30% เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ระยะ 5 ปี ที่จะมุ่งเน้นการลงทุนในพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งก๊าซชีวภาพ, Solar Roof Top และโรงไฟฟ้าชีวมวลต่างๆ ล่าสุดโครงการ Solar Roof Top โครงการแรกก็ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผน โดยกำลังเร่งงานโครงการที่เหลืออีก 2 แห่ง น่าจะเรียบร้อยภายในไตรมาส 2 ปีนี้
“UAC คาดว่าจะมีรายได้จากด้านพลังงานมากขึ้นเป็น 20-30% ของรายได้รวม จากปีก่อนที่มีรายได้หลักจากธุรกิจเทรดดิ้งอยู่ที่ 85-90% ส่วนในปี 58-59 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการขยายโครงการ CBG จำนวน 20 แห่ง ในภาคเหนือ และอีสานที่จะเสร็จทั้งหมดในปี 58 และเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปี 59 เป็นต้นไป"นายกิตติ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนกับบริษัท SEBIGAS (S.p.A)จากอิตาลีภายใต้“UAC Energy"โดย บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 49 % เพื่อที่จะรับงานโครงการโรงไบโอก๊าซจากหญ้าเนเปียร์ จำนวน 6 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการละ 160 ล้านบาทนั้น ได้มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 2 โครงการ และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในขั้นตอนสุดท้ายอีก 4 โครงการ น่าจะลงนามได้ภายในไตรมาส 2/57