สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 86,979 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 63,553 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 73.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,010 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,463 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB145B และ LB176A (รุ่นอายุ 1.2 ปี, 0.2 ปี และ 3.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,875 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL154A) มูลค่า 142.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของบริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ASK166A) มูลค่า 121.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC14OA) มูลค่า 102.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 366.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,359 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,079 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,484 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.17% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. พันธบัตร ธปท. ที่ประมูลวันนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.06 เท่า ของวงเงินประมูล นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาดูผลการประชุม FOMC ซึ่งตลาดคาดว่า Fed อาจจะลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 3,484 ล้านบาท