"ความไม่มั่นใจของผู้ลงทุนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ราคาหุ้นไทยปรับตัวลดลง แต่ผลการดำเนินงานของ บจ. กลับเติบโตได้ต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าการจ่ายเงินปันผลและอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นและมีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในอาเซียน นอกจากนี้ มูลค่าและอัตราการจ่ายเงินปันผล รวมถึงจำนวนบริษัทจ่ายเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องทางการเงินของ บจ. ไทย ด้วย" นางสาวปวีณากล่าว
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลปี 2556 เพิ่มขึ้นจากปี 2555 สูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดพาณิชย์
ทั้งนี้ บจ. ที่อยู่ใน SETHD มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 163,881 ลบ. คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ระดับ 40.21% และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 3.79%
ด้านการจ่ายหุ้นปันผล (Stock Dividend) ของ บจ. สำหรับผลประกอบการปี 2556 มีทั้งสิ้น 38 แห่ง คิดเป็นมูลค่าหุ้นปันผล ณ ราคาพาร์ 6,603 ล้านบาท
บริษัทจดทะเบียนใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ทั้ง 5 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งหมด 133,494 ล้านบาท คิดเป็น 37.07% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน SET
ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน mai ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้ บมจ. โมโน เทคโนโลยี (MONO) บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บมจ. เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) และ บมจ. ถิรไทย (TRT) ทั้ง 5 บริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 906 ล้านบาท คิดเป็น 30.36% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน mai
หมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์