หุ้นกู้ดังกล่าวประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 8 ชุด ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560 ปี 2562 ปี 2564 และปี 2567 โดยมีจำนวนเงินรวมไม่เกิน 2.0 หมื่นล้านบาท เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะนำไปใช้สำหรับเป็นเงินลงทุน และ/หรือ เงินทุนหมุนเวียน หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทที่ ‘AA+(tha)’ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของบริษัท
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต อันดับเครดิตของ AWN เท่ากับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ หรือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)หรือ AIS ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่าง AWN และ AIS ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology)
AIS ถือหุ้นทั้งหมดใน AWN และมีอำนาจควบคุมการบริหารและการดำเนินงานของ AWN ทั้งหมด เนื่องจาก AWN เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ในปี 2555 AWN จึงมีความสำคัญต่อ AIS อย่างมาก โดย AWN เป็นบริษัทที่จะรองรับการย้ายการดำเนินธุรกิจและฐานลูกค้า จากระบบสัญญาสัมปทานเดิม มาเป็นระบบใบอนุญาตซึ่งมีความชัดเจนด้านกฎหมายและกฎระเบียบมากกว่า นอกจากนี้ AIS ยังได้ให้การสนับสนุนในระดับที่สูงต่อ AWN ทั้งในด้านบุคลากร การดำเนินงาน และการช่วยเหลือในการติดตั้งเครือข่าย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในช่วงเริ่มต้นของการให้บริการ 3G รายได้หลักจะมาจาก AWN ฟิทช์คาดว่ารายได้หลักในอนาคตของ AIS จะมาจาก AWN โดยสัดส่วนรายได้ และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่มาจาก AWN จะเพิ่มสูงขึ้นโดยจะสูงกว่า 70% และ 90% ตามลำดับ หลังจากปี 2558 และในระยะยาว AWN จะเป็นธุรกิจหลักของ AIS หลังจากลูกค้าส่วนใหญ่ได้ย้ายไปยังโครงข่าย 3G ใหม่แล้ว
อันดับเครดิตของ AWN โดยลำพัง (Standalone) อ่อนแอกว่า AIS โดยฟิทช์มองว่า อันดับเครดิตของ AWN โดยลำพัง (Standalone) ยังคงอ่อนแอกว่า AIS ในระยะปานกลาง เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับที่สูงกว่า AIS ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วน Funds Flow from Operation (FFO)- Adjusted Net Leverage ของ AWN จะอยู่ที่ระดับ 2.5-3.0 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่า AIS ซึ่งมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่า นอกจากนี้ความล่าช้าในการการย้ายฐานลูกค้าไปยังระบบ 3G อาจส่งผลให้รายได้และกำไรของ AWN อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการไว้ และส่งผลให้การปรับลดของอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวช้ากว่าที่คาดได้