อย่างไรก็ตาม บริษัทยังวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 1,100 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่กว่า 800 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ 300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในเดือนเม.ย.นี้
"ทั้งปีเราตั้งเป้าการเติบโตรายได้ไว้ 1,100 ล้านบาท ซึ่งยังคงมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายแม้งานภาครัฐยังคงออกมาน้อยลง แต่เรายังรับงานภาคเอกชนต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสแรกรายได้ยังเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่กว่า 100 ล้านบาท โดยยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีก่อนจากปัญหาการเมือง ทำให้ไตรมาสนี้ยังส่งของไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเมืองน่าจะจบได้ในเร็วๆนี้ และโครงการต่างๆของภาครัฐก็จะกลับมาได้ตามเดิม"นายพลูพิพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมรุกขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยได้ข้าไปศึกษาในดูไบและญี่ปุ่น เนื่องจากมองว่าประเทศดังกล่าวยังมีดีมานด์หม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเป็น 15-20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาด 9,000 ล้านบาท และยังผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 25-30% จากเดิมอยู่ที่ 20% ในประเทศ 80%
ทั้งนี้บริษัทฯมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนโดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 70-80 ล้านบาท ใช้ในการลงทุนในส่วนของการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตทั้งสิน 1,500 ล้านบาทต่อปี