ทั้งนี้ ปตท.เห็นว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกที่เหมาะสมในการนำบริษัท Sakari Resources Limited(SAR) เข้าตลาดหุ้นควรอยู่ที่ 90-100 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาถ่านหินอยู่ระดับ 70 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน และคาดว่าภายในปีนี้อาจเห็นราคาถ่านหินขยับขึ้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังจากความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้นในการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าในจีน อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น
ส่วนกำลังการผลิตถ่านหินที่เหมาะสมก็น่าจะอยู่ระดับ 15 ล้านตัน/ปี ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เหมืองถ่านหินของ ปตท.ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์ราคาถ่านหินไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่เร่งขุดถ่านหินมาจำหน่ายมากนัก จากปริมาณสำรองถ่านหินที่มีอยู่กว่าพันล้านตัน ประกอบกับบริษัทฯ มองหาโอกาสที่จะลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมด้วย แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ผลีผลาม
"เดิมบริษัทฯ มีแผนจะนำบริษัท Sakari ซึ่งดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่อินโดนีเซีย หลังจากเพิกถอนหุ้นดังกล่าวออกจากตลาดหลักทรัพย์ที่สิงคโปร์ เนื่องภาวะตลาดถ่านหินไม่ดีในช่วงที่ผ่านมา จึงต้องเลื่อนแผนการเข้าตลาดหุ้นไปก่อนจนกว่าราคาจะฟื้นตัว ซึ่งระหว่างนี้บริษัทหันมาเน้นปรับโครงสร้างองค์กร กระบวนการผลิตและแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุด รองจังหวะตลาดถ่านหินฟื้นตัว" นายสุรงค์ กล่าว
โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตถ่านหิน 8-10 ล้านตัน/ปี ลดลงปีก่อนที่ผลิตอยู่ 11 ล้านตัน และต่ำกว่าแผนงานเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะผลิตที่ 17 ล้านตัน และในปี 2563 จะผลิตเพิ่มเป็น 70 ล้านตัน ส่วนกำไรจากธุรกิจถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ปตท.ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท Sakari Resources Limited(SAR) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียโดยหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 94 % ก่อนที่จะเพิกถอน SAR ออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่ง SAR ทำเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในอินโดนีเซียที่มีการผลิตแล้ว และยังถือหุ้นในโครงการอื่นๆด้วย อาทิ การได้สิทธิในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหินในประเทศบรูไน และเหมืองถ่านหินใน Sakoa Coal Basin ในประเทศมาดากัสดาร์
การตัดสินใจรุกธุรกิจถ่านหินของ ปตท.นี้ เนื่องจากเห็นว่าถ่านหินเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีปริมาณสำรองจำนวนมากเมื่อเทียบกับน้ำมันและก๊าซฯ ซึ่งในอนาคตถ่านหินอาจมีบทบาทมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้ไทยให้ความสำคัญพลังงานถ่านหินค่อนข้างน้อยก็ตาม โดยปตท.ต้องการเป็นเจ้าของพลังงานอย่างครบวงจรทั้งถ่านหิน ก๊าซฯ และน้ำมันดิบ เพื่อเสริมความมั่นคงของประเทศ