จากแผนงานทั้งปี 57 ที่าบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 26 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.2 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งมีแผนพัฒนาโครงการหัวเมืองจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในจังหวัดเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น ภูเก็ต สงขลา ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี และระยอง รวมทั้งปัจจุบันเตรียมขยายการลงทุนโครงการใหม่เพิ่มใน นครราชสีมา และอุบลราชธานี โดยเน้นพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก จำนวน 5-6โครงการ
"มองว่าผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดการชะลอการซื้อบ้าน โดยคาดว่ายอดขายบ้านในไตรมาสแรกจะติดลบราว 10% แต่อย่างไรก็ตาม หากปัญหาของสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนและสามารถจบลงได้ในช่วงไตรมาส 2 ก็ยังเชื่อว่า ตลาดบ้านทั้งปีก็จะทรงตัวเคียงกับปีก่อน แต่หากสถานการณ์ต่างๆยังไม่สามารถหาทางออกได้ ในช่วงไตรมาส 2 เรามองว่าตลาดบ้านปีนี้คงจะอยู่ในระดับที่ติดลบแน่นอน แต่จะติดลบมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ต้องรอติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเรายังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป"นายอธิป กล่าว
ด้านนายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร SPALI กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว รวมไปถึงการชะลอการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงกำลังซื้อของประชาชนที่ปรับตัวลดลงตามไปด้วย ขณะที่สถาบันทางการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทั้งสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อย โดยในช่วงที่ผ่านมามีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการต้องประสบปัญหาการปฎิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินสูงถึง 50%
แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลแค่เพียงด้านเดียว ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากซัพพลายในตลาดปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวไม่ได้ถึงกับทำให้เศรษฐกิจติดลบ และแม้ว่ากำลังซื้อจะหดตัวลง แต่ความต้องการซื้อบ้านยังคงมีอยู่ ดังนั้น หากมองในด้านบวกจะช่วยลดความร้อนแรงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลง ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวภาคการส่งออกจะดีขึ้นและดอกเบี้ยที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้ตลาดยังเดินต่อไปได้ แต่จะไม่ร้อนแรงเหมือนกับปีที่ผ่านมา