สำหรับแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/57 เชื่อว่าจะเติบโตได้ราว 10% จากการเติบโตของออฟฟิตเมทที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์เติบโตได้มาก เนื่องจากการเดินทางมาซื้อสินค้าช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองค่อนข้างลำบาก ขณะที่ยอดขายของร้าน B2S ก็ค่อนข้างทรงตัวไม่ได้ลดลงในภาวะที่ไม่ดีนัก ถือว่าดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง หลังจากบริษัทได้มีการปรับรูปแบบร้านค้าในต่างจังหวัดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
"ปีนี้เราปรับคาดว่าจะมีการปรับลดเป้ารายได้ลง หลังจบไตรมาสแรก เพราะเราได้รับผลกระทบจากการเมืองตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็น่าจะส่งผลกระทบกับภาพรวมในไตรมาส 1 แต่ก็ยังมีการเติบโตเนื่องจากเราขายผ่านออนไลน์ได้มากขึ้นเพราะลูกค้าเดินทางลำบาก ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้ก็หน้าจะโตได้มากกว่ารายได้ เพราะเราบริหารจัดการต้นทุนได้ดี" นายวรวุฒิ กล่าว
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 500-600 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่อีก 8 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้ร้านออฟฟิศเมทมีทั้งหมด 60 สาขา
นอกจากนั้น บริษัทยังตั้งเป้าขยายสาขาไปยังต่างประเทศในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีจากนี้ โดยจะมุ่งเน้นศึกษาประเทศใน AEC ภายในปีนี้จะมีการสำรวจตลาดอย่างเข็มข้นในเดือน พ.ค.-มิ.ย.โดยเฉพาะตลาดเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย มองว่าประเทศที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดสาขาได้ก่อนคือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เบื้องต้นคาดว่าต้องใช้งบลงทุนราว 20-30 ล้านบาท/สาขาสูงกว่าการตั้งสาขาในประเทศ
"เรามองว่าอีกไม่เกิน 2 ปี เราจะเห็นสาขาในต่างประเทศ เพราะปีนี้เราจะเข้าไปศึกษาอย่างจริงจัง แต่การไปเราก็อาจจะมีการลงทุนมากกว่าในไทย เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เราถึงต้องเปิดสาขาที่ขนาดใหญ่หน่อยและสาขาไม่มาก"นายวรวุฒิ กล่าว