ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะออกสินค้าใหม่ภายในปีนี้ประมาณ 2 ผลิตภัณฑ์คือ ระบบผนังสำเร็จรูป สำหรับสถาบันการศึกษา ศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาล และ ประตูบานเลื่อน สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม โดยผลิตภัณฑ์ใหม่จะเน้นเรื่องดีไซนด์ ฟังก์ชั่นการใช้งานและความสะดวกรวดเร็วในการติดตั้ง เพื่อให้สมกับเป้าหมายของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้าง สำหรับอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย
หากประเมินรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ สัดส่วนรายได้หลักน่าจะยังคงมาจาก ผลิตภัณฑ์ ระบบฝ้าเพดานและผนังกั้นห้อง (Wall & Ceiling Products) คิดเป็นประมาณ 40% ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมสำหรับตกแต่งภายใน (ALLOY "Aluminium for Interiors") ประมาณ 35% ผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างเฟลทเชอร์ (Fletcher) ประมาณ 20% และธุรกิจติดตั้งประมาณ 5% ส่วนสัดส่วนรายได้ภายในประเทศและต่างประเทศในปี 57 น่าจะอยู่ที่ 80:20
“การที่รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เป็นผลเนื่องมาจากการเพิ่มยอดขายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ประกอบกับรายได้บางส่วนที่มาจากอินเดียที่ยังมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งการเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ครอบคลุมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค อาเซียน ส่วนการขยายตัวภายในประเทศก็น่าจะมาจากการรุกตลาดใหม่ เช่นสถาบันศึกษาและโรงพยาบาล ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสามารถติดตั้งได้เร็ว ซึ่งสินค้าของบริษัทฯ ก็ตอบสนองความต้องการดังกล่าว" นายสัญชัย กล่าว
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างเฟลทเชอร์ (Fletcher) เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมียอดขายที่เข้ามาต่อเนื่องและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ BSM เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯคาดกำไรสุทธิจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับรายได้ที่ตั้งเป้าเติบโตราว 30% โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ทั้งหมด 10 ล้านบาท จะแบ่งเป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 ชนิดคือ ผนังสำเร็จรูป สำหรับโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ สินค้าอีกชนิดคือ บานเลื่อนสำหรับคอนโดมิเนียม โดยคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนสำหรับโปรดักส์ใหม่ราว 3-5 ล้านบาท และงบลงทุนส่วนที่เหลือคือ พัฒนาระบบต่าง ซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงงบการตลาด
สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1 คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงปีก่อนหรือเติบโตได้เล็กน้อย หลังจาก 2 เดือนที่ผ่านมารายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ราว 20% จากสถานการณ์การเมืองยังเป็นผลกระทบต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ให้มีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทฯจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และอาจมีการพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศพม่า จัดตั้งบริษัทใหม่ เพื่อที่จะเข้าไปจำหน่ายสินค้า โดยเฉาะ ประตูและหน้าต่าง คาดว่าจะได้ความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/57 นี้ "ปีนี้เราจะไปเน้นตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะเป็นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งเราอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในพม่า น่าจะได้ความชัดเจนเร็วๆนี้ สำหรับผลประกอบการนั้นเรายังคงเป้าหมายเดิมที่การเติบโต 30% แต่ก็จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯจะทบทวนเป้าหมายอีกครั้งในช่วงไตรมาส 2" นายสัญชัย กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 56 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 56 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 104 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23% และมีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 107% ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด จำนวน 0.08 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 40% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที 30 เมษายน 57 วันปิดสมุดทะเบียน 02 พฤษภาคม 57 และจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 57