พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ซึ่งเป็นปีแรกประมาณ 500-800 ล้านบาท ปีที่ 2 ทำรายได้ 1 พันล้านบาท และปีที่ 3 จะเพิ่มเป็น 1.2 พันล้านบาท และคาดว่าธุรกิจจะคุ้มทุนหรือเริ่มมีกำไรในปีที่ 5 และตั้งเป้าหมายจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3-5 ปี
ขณะที่ช่อง PPTV ทุ่มงบลงทุนคอนเท้นท์ปีนี้ 2 พันล้านบาทและยังลงทุนต่อเนื่อง 1.5-2 พันล้านบาทอีก 2 ปี โดยช่อง PPTV ผลิตรายการเอง 50% อีกครึ่งหนึ่งเป็นการซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาพะซีรีส์เกาหลีที่จะนำมาฉายในช่วงไพรม์ไทม์ 3 เรื่อง ตลอดทั้งสัปดาห์
นายเขมทัตต์ กล่าวว่า บริษัทจะใช้เครือข่ายในกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพทั้งในกรุงเทพ และตามหัวเมืองต่างๆ อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น รวมทั้งการขยายไปยังสนามบิน และบนเครื่องบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเป็นช่องทางที่นำเสนอเนื้อหารายการ และเพิ่มจำนวนผู้ชม และยังใช้การสื่อสารในทุกมิติของการสื่อสารคือ on-air, on-ground และ online ทำให้บริษัทสามารถขายโฆษณาเป็นแพ็กเกจได้ดี โดยกำหนดราคาช่วงไพร์มไทม์ 2.5 แสนบาท/นาที และ non prime time นาทีละ 1.2 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงครึ่งหนึ่งของช่องฟรีทีวีปัจจุบัน โดยคาดว่าภายใน 3 ปี เม็ดเงินโฆษณาทางทีวีจะเพิ่มเป็น 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ช่อง PPTV HD จะเริ่มทดลองออกอากาศในวันที่ 7 เม.ย.นี้ เวลา 3.36 น. แบบเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง โดยผังรายการทีวีจะมีรายการประเภทข่าวสาระและรายการเข่าเวลา รวม 30% รายการบันเทิง 70%
"ส่วนของเนื้อหารายการ เราใช้วิธีการคัดเลือกผู้ผลิตรายการที่แตกต่าง โดยเราจะวางกรอบโครงสร้างของรายการทั้งหมดไว้ จากนั้นผู้ผลิตรายการจะผลิตรายการตากรอบที่เราวางไว้ เพื่อให้รายการมีคุณภาพและมาตรฐานเป็นไปตามแนวทางของความเป็นพรีเมียม แมสที่วางไว้" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BMB กล่าว
ส่วนผังรายการเฟสแรกจะออกอากาศช่วงเดือนเม.ย. - มิ.ย. ผสมระหว่างรายการต่างประเทศระดับพรีเมียมคอนเทนต์ จากเกาหลี ญี่ปุ่น และพันธมิตรผู้ผลิตรายการชั้นนำ อาทิ ทีวีบูรพา ทีวีธันเดอร์ เจแอสแอล คอนเทนต์แล็บ วูดดี้ เวิร์ล โอปอล และทีมข่าวจากหลายสถาบัน และมีสตูดิโอ 2 แห่ง คือ ย่านอโศกและย่านถนนวิภาวดีฯ ตรงข้ามอาคารบางกอกแอร์เวย์สพร้อมกันนี้
นายเขมทัตต์ ยังกล่าวถึงการแข่งขันของทีวีดิจิตอลว่า การแข่งขันในทีวีดิจิตอลมีสูง คาดจะลดเหลือ 5-7 กลุ่มภายใน 5 ปี โดยเห็นว่า ข่องเด็ก และช่องข่าว น่าจะเป็นช่องที่ไม่ค่อยน่าสนใจ ขณะเดียวกันจะมีผู้ผลิตรายการขนาดกลางและขนาดเล็ก เพิ่มขึ้น 20-30% ตลาดรวมของธุรกิจวิทยุโทรทัศน์จะอยู่ที่ประมาณแสนล้านบาท โดยเป็นธุรกิจทีวีสูงถึงร้อยละ 70 และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 5-6 หมื่นล้านบาท เช่น การสร้างสตูดิโอ การขายกล่องรับสัญญาณ หรือเซ็ตท็อปบ็อกซ์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น พร้อมทั้งเตรียมผลิตโมบายล์คอนเทนต์และรถยนต์ เพื่อรองรับทิศทางการรับชมของผู้บริโภคในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย
ช่องPPTV HD จดทะเบียนด้วยทุน 100 ล้านบาท และออกอากาศผ่านดาวเทียมมาแล้วกว่า 1 ปี ก่อนเข้าประมูลทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจ ในวันที่ 26 ธ.ค. 56 ด้วยมูลค่า 3,460 ล้านบาท