ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1/57 จะออกมามีกำไร โดยรายได้และยอดขายสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน เพราะจะเริ่มมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม PARC EXO 100 ยูนิตมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว โครงการบางใหญ่ พระราม 5 ซึ่งยอดโอนสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนั้น ยังมีโครงการชีวานี พัทยา ราว 100 ล้านบาท
ส่วนไตรมาส 2/57 คาดว่ารายได้จะมากกว่าไตรมาส 1/57 เพราะมีการโอนโครงการ My Ozone เขาใหญ่ มูลค่าโครงการทั้งหมด 3,000 ล้านบาท โดยขณะนี้เฟสแรกที่มีมูลค่าโครงการราว 1,000 ล้านบาท ขายไปได้แล้วในสัดส่วน 60% ซึ่งจะเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และโครงการ Parc Exo Condominium อีก 500 ยูนิตรอโอนเต็มที่ในไตรมาส 2
อนึ่ง backlog ที่มีอยู่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 60-70% ที่เหลือเป็นโครงการบ้าน แบ่งเป็นโครงการ Parc Exo Condominium ถนนเกษตร-นวมินทร์กว่า 1,000 ล้านบาท โครงการ Up Ekamai มูลค่า 600-700 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการชีวานี พัทยา และโครงการ Nusa Lake Como พระราม 2
น.ส.ศิริญา กล่าวว่า บริษัทจะมีการทบทวนแผนงานอีกครั้งในช่วงหลังจากสิ้นไตรมาส 2/57 หลังจากชะลอแผนเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ รวมถึงชะลอการซื้อที่ดินใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์รอบด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์การเมือง เพื่อปรับแผนงานให้มีความเหมาะสม
"ปี 57 ยังไม่มีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่ม รอไตรมาส 3 ขอดูสถานการณ์บ้านเมืองปลายไตรมาส 2 ตอนนี้นโยบายอสังหาฯของบริษัทอยากให้โอนของเดิม ลดภาระ ส่วนแผนเปิดโครงการใหม่ ถ้าสถานการณ์พร้อมเราก็พร้อม ซึ่งเดิมที่วางไว้ก็ hold ไว้ก่อนเพื่อดูทุกอย่าง และเร่งเก็บของเข้าบ้านให้มาก มองไตรมาส 2-3 ต้องมีเงินสด ไม่มีหนี้ พยายามปลดหนี้ เพราะปี 56 ที่ขาดทุนเพราะ cost ก่อสร้าง ตั้งสำรองดอกเบี้ย แต่ปี 57 เป็นปีเก็บของเข้าบ้าน น่าจะเป็นกำไร"น.ส.ศฺริญา กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความพร้อมในด้านเงินทุน หลังจากคณะกรรมการบริษัทได้มีมติออกหุ้นเพิ่มทุน 400 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)นั้น แต่ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เพราะชะลอเปิดโครงการไปก่อน และเมื่อถึงเวลาเปิดโครงการ บริษัทอาจมีรายได้เข้ามาทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแล้วก็ได้
"ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ระดมทุน เพราะถ้าเลื่อนการเปิดโครงการไปไตรมาส 3-4 เงินสดพอก็ไม่ต้องเพิ่มทุน"น.ส.ศิริญา กล่าว