อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งงบไม่เกิน 100 ล้านบาทในการสร้างถังบำบัดน้ำเสียและนำเข้าเครื่องจักร พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถสรุปการลงทุนด้านพลังงานลมภายในสิ้นปีนี้ ขนาดราว 32 เมกะวัตต์ น่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท
นายสุรเดช บุณยวัฒน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PPP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,510 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 15 เมกกะวัตต์ โดยจะมีรายได้จากส่วนนี้ทั้งสิ้นจำนวน 300 ล้านบาท และกำไร 30-50 ล้านบาท
ขณะที่กำไรปีนี้จะใกล้เคียงกันกับปีก่อนที่ทำได้ 130 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาครัฐที่มีการชะลองานโครงการประมูลหลายโครงการออกไป ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐ 10-20%
"แนวโน้มปีนี้เราคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 10% ซึ่งเรามีการขายผลิตภัณฑ์ให้ในอุตสาหกรรมมากขึ้น หลังภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการชะลอตัวออกไปจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนผลประกอบการของเราในส่วนของรายได้หดตัวลดลง 10% แต่ยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาเพิ่มเติมซึ่งจะรับรู้เต็มปีในปีนี้"นายสุรเดช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มระบบบำบัดรีไซเคิลน้ำเสีย โดยเข้าไปเจรจาขายให้กับกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่จำนวน 10 ราย และสถานีบริการน้ำมันอีกหลายราย คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งบริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 3-5 ล้านบาท
ส่วนการตั้งงบลงทุนในปีนี้บริษัทเตรียมไว้ไม่เกิน 100 ล้านบาทเพื่อใช้ทำถังบำบัดน้ำเสียขนาดเล็ก และนำเข้าเครื่องจักร ซึ่งยังไม่รวมแผนร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 32 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปี 57 แหล่งเงินลงทุนจะมาจากหุ้นกู้ และเงินกู้จากสถาบันการเงิน รวมถึงกระแสเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.9 เท่า และจะรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 2 เท่า