สำหรับแผนดำเนินงานของ MACO ในไตรมาส 2 นั้น บริษัทฯ ได้เร่งติดตั้งป้ายโฆษณาในโครงการ Flyover เฟส 2 ซึ่งเป็นป้ายโฆษณาที่ติดตั้งตามบริเวณสะพานข้ามแยกต่างๆ เพิ่มเติมอีก 249 ป้ายใน 9 สะพานในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจจองพื้นที่และซื้อพื้นที่ป้ายโฆษณาดังกล่าวแล้ว
“หากปัญหาทางการเมืองคลี่คลายลง เชื่อว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะกลับมาฟื้นตัวได้ในเดือนเมษายน และจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งปีหลัง ซึ่งเราก็ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของพื้นที่สื่อโฆษณาที่เราได้ติดตั้งป้ายโฆษณาเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีการโหมทำตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อนและรับเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในกลางปีนี้" นายนพดล กล่าว
สำหรับไตรมาส 1 ของ MACO พบว่า ยอดอัตราการจองพื้นที่ป้ายโฆษณายังมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าจะมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายเม็ดเงินในการซื้อสื่อโฆษณา โดยในไตรมาส 1บริษัทฯ มีตัวเลขยอดจองการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาอยู่ที่ 70% ของจำนวนพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเมื่อปีที่ผ่านมาที่มียอดจองอยู่ที่73% ที่สะท้อนให้เห็นได้ว่าปัจจัยทางด้านการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อยอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาของ MACO เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจ NON MACO Space เช่นงานอีเว้นท์และงาน Made to Order จะได้รับผลกระทบไปบ้าง เนื่องจากลูกค้าชะลอการใช้จ่ายงบและเลื่อนการจัดกิจกรรมไปในไตรมาส 2 เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ก็จะทำให้ลูกค้าพร้อมกลับมาใช้จ่ายงบในส่วนของกิจกรรมเพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดมากขึ้น
“หากประเมินแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1 ของ MACO คาดว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากไตรมาส 1 เรามีงาน Made to Order บางส่วนที่เลื่อนมารับรู้รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ ประกอบกับยอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาโดยรวมยังอยู่ในอัตราสูง ซึ่งเป็นแรงหนุนผลการดำเนินงานของเราได้ดี และสามารถรักษาระดับการทำกำไรขั้นต่ำที่มากกว่า 50% ตามนโยบายของบริษัทฯ ไว้ได้" นายนพดล กล่าว