ขณะที่บริษัทปรับลดยอดขายน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลเหลือเติบโตไม่น้อยกว่า 6% จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนแรดของปีชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 57 ไม่เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดว่าในไตรมาส 1/57 ยอดขายจะเติบโตไม่ถึง 6% โดยในช่วงเดือน ม.ค.57 ยอดขายโดยรวมของทั้งระบบติดลบ 1% แต่ยอดขายของบางจากโต 2%
"ถึงแม้ว่าเราจะปรับเป้ายอดขายลง แต่ยัง maintain การลงทุน และในส่วน EBITDA ยังไม่ปรับ ยังคงเป้าที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีนี้จะมี EBITDA ที่เกิดจากโซล่าร์ฟาร์มที่ COD เร็วขึ้น"นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดหยุดเดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันเพื่อซ่อมบำรุงนาน 46 วันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-15 มิ.ย.57 ซึ่งนานกว่าปีก่อนที่มีการหยุดเดินเครื่องราว 30 วันเท่านั้น แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบผลประกอบการ เพราะบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงธุรกิจซึ่งจะเข้ามาช่วยชดเชยรายได้ โดยประเมินกำลังการกลั่นเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 9.4 หมื่นบาร์เรล/วัน จากกำลังผลิตเต็มที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันที่เป็นขนาดมาตรฐาน 30-40 แห่ง และในส่วนสถานีบริการน้ำมันภายในสหกรณ์ มี 60-70 แห่ง จากปัจจุบันรวมทั้งหมดมี 1,050 แห่ง แบ่งเป็นขนาดมาตรฐาน 500 แห่ง และร่วมกับสหกรณ์ 550 แห่ง
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการติดตั้ง Solar Rooftop ที่บริษัทได้รับใบอนุญาต 11 โครงการ ขนาดโครงการละ 10 กิโลวัตต์ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.)ออกประกาศให้กิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาทุกประเภทได้รับการยกเว้นใบอนุญาตโรงงาน 4 ตั้งแต่ 24 มี.ค.เป็นต้นไป แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) เตรียมส่งกฤษฎีกาตีความ ดังนั้นบริษัทยังคงต้องรอผลการพิจารณาดังกล่าวก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจ Solar Rooftop หากนโยบายภาครัฐชัดเจนแล้ว โดยจะเจรจากับพันธมิตรที่ช่วยจัดหาหรือนำเข้าแผงโซล่าร์เซลล์ ทั้งนี้รูปแบบบริษัทดังกล่าวจะมีเครือข่ายลักษณะคล้ายเฟรนไชส์เข้าไปติดตั้งระบบและอุปกรณ์ Solar Rooftop ที่ได้คุณภาพให้กับผู้ใช้ทั้งในระดับโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือน
"เห็นว่ารายได้จาก Solar Rooftop จะมีความยั่งยืนมากกว่า Solar Farm ที่สามารถขายไฟฟ้าได้เรื่อยๆ"นายวิเชียร กล่าว