""เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้"มีแผนจะทำโครงการสำเพ็ง 2 ตั้งอยู่ที่กัลปพฤกษ์ ซึ่งจะเป็นศูนย์ค้าขายส่ง"นายเอกจักร กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากบมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ได้ระบุว่า บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 28.57% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งหลังเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 4,200 ล้านหุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบด้วย ครอบครัวมโนธรรมรักษา ถือหุ้น 1,680 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 56% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 40%, ครอบครัวสวาทยานนท์ ถือหุ้น 540 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 18% หลังขาย IPO จะลดเหลือ 12.86%, ครอบครัวรุ่งชีวา ถือหุ้น 360 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 12% หลังขาย IPO จะลดลงเหลือ 8.57% และครอบครัวนีรพิทักษ์ ถือหุ้น 180 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 6% หลังขาย IPO จะลดลงเหลือ 4.29%
บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 ต.ค.53 ในนาม บริษัท รักษาแลนด์ (สาทร-พระราม3) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ต่อมาปลี่ยนชื่อเมื่อวันที่ 11 มี.ค.56 โดยนายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ผู้ถือหุ้นใหญ่ประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 20 ปี
ขณะนี้บริษัทเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชย์แนวราบ (Commercial Low Rise) รูปแบบโครงการที่พัฒนา ได้แก่ ศูนย์การค้า, โฮมออฟฟิต, ทาวน์โฮม, มินิออฟฟิต, อาคารพาณิชย์ และทาวน์เฮ้าส์ เป็นต้น โดยจะให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งโครงการที่มีศักยภาพเป็นลำดับแรก โครงการที่พัฒนาทุกแห่งจะอยู่ติดถนนใหญ่
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.56 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,500,000,000 บาท เพื่อนำเงินไปพัฒนาโครงการและเข้าถือหุ้นในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ บริษัท ไชน่า เซ็นเตอร์ (สาทร กัลปพฤกษ์)จำกัด ในสัดส่วน 90% ทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท, บริษัท เจ.เอส.พี. โกลเด้นท์แลนด์ จำกัด ในสัดส่วน 100% ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท, บริษัท สำเพ็ง 2 พลาซ่า จำกัด ในสัดส่วน 100% ทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท และ บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ในสัดส่วน 100% ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท
และวันที่ 7 ม.ค.57 ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,100,000,000 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป