ทั้งนี้ บริษัทคงเป้ารายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เป็นการรับรู้รายได้จากงานในมือ(backlog)ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 1.12 แสนล้านบาท ขณะที่มีงานใหม่ที่จะเข้าประมูลอีกอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะงานสุวรรณภูมิเฟส 2 และโครงการถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้จะลงทุนในโครงการไซยะบุรีอีกราว 800-900 ล้านบาท
นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน CK กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้จากงานก่อสร้างในไตรมาส 1/57 ที่ 8.2 พันล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่ 8 พันล้านบาท ส่วนใหญ๋เป็นการรับรู้รายได้จากโครงการไซยะบุรี
ส่วนทั้งปี 57 คาดรายได้จากการก่อสร้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมี backlog แล้ว 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ขณะที่ในปีนี้บริษัทยังมีงานรอเซ็นสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เฟส 2และ โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำบากในลาว
นอกจากนั้น ยังเตรียมประมูลงานใหม่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน เม.ย.-พ.ค.และโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/57 คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงไตรมาส 1/57 โดยการก่อสร้างน่าจะเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพราะในแง่วัสดุก่อสร้างราคาก็ไม่ได้ปรับขึ้นแรงงานก็ไม่ขาดแคลน ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี การรับรู้รายได้ก็น่าจะใกล้เคียงไตรมาส 1/57 ทั้งงานก่อสร้างในประเทศ และในลาวที่ปีนี้ต้องใช้เงินลงทุนราว 800-900 ล้านบาทในโครงการไซยะบุรี ตามสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้น 30%