สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 80,309 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 45,969 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 57.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 27,102 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 33.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,855 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 9.3 ปี, 5.3 ปี และ 3.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 17,412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC147A) มูลค่า 324.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 241.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC156A) มูลค่า 137.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 703.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,628 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 854 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,183 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.26% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-4 bps. โดยเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 4 bps. จากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมี.ค.14 ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 82.3 จากระดับ 78.3 ในเดือนก.พ. ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,183 ล้านบาท