BWGคาดรับผลดีรัฐเล็งเข้มเพิ่มโทษ-คุมจัดการขยะอุตฯเร่งบีบโรงงานเข้าระบบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 28, 2014 11:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน(BWG) กล่าวว่า การออกมาตรการที่เข้มข้นของภาครัฐหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะแพรกษาเป็นผลดีกับผู้ประกอบธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามากำจัดกากอุตสาหกรรมตามระบบมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ประกอบกิจการที่ได้มาตรฐาน เพื่อตัดปัญหาลักลอบทิ้งที่จะสร้างความยุ่งยากให้กับโรงงานเจ้าของกากฯ ภายหลัง

ทั้งนี้ เชื่อว่า BWG จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโรงงาน ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรเพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่ทำได้ทั้งการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย และกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายด้วยวิธีการฝังกลบ ซึ่งมีศูนย์บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมในจังหวัดสระบุรี และกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายด้วยวิธีการเผาทำลายด้วยเตาความร้อนสูงแห่งเดียวของประเทศไทยที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบมจ.อัคคีปราการ(AKP) บริษัทย่อย และมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการเพิ่มขึ้นของลูกค้าและปริมาณกากอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี

อนึ่ง กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมออกมาตรการเข้มแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ทั้งการออกกฎกระทรวงอุตสาหกรรมกำกับดูแลของเสียอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ด้วยการเพิ่มโทษโรงงานผู้กระทำผิดจากปรับ 200,000 บาท จำคุก 2 ปี เป็นปรับ 1.5 ล้านบาท และจำคุกให้มากกว่า 2 ปี

ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการกำจัดกากฯ ให้ใช้วิธีติดเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งกากอุตสาหกรรมทุกประเภทจากเดิมที่จะติดตั้งเฉพาะกากอุตสาหกรรมอันตรายให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในเวลา 3 เดือน รวมทั้งให้อุตสาหกรรมจังหวัดลงไปเข้มงวดกำกับดูแลโรงงานประเภท 101 บำบัดน้ำเสีย ของเสียรวมเตาเผาขยะ โรงงานประเภท 105 คัดแยก ฝังกลบขยะ และโรงงานประเภท 106 รีไซเคิลว่ามีเครื่องจักร อุปกรณ์ในการประกอบกิจการถูกต้องหรือไม่

“BWG ในฐานะผู้ประกอบการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการใช้มาตรการที่เข้มข้นของภาครัฐในครั้งนี้ และเป็นเรื่องที่เคยสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มโทษกับโรงงานผู้ลักลอบทิ้ง ถือเป็นการควบคุมที่ต้นทางทำให้กระบวนการลักลอบทิ้งเกิดขึ้นได้ยาก ทำให้โรงงานเจ้าของกากอุตสาหกรรมหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลกากฯ และจัดการด้วยกระบวนการที่ถูกต้องด้วยผู้จำกัดกากฯ ที่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น เพราะหากพบว่ากระทำความผิดอาจถึงขั้นถูกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ

ส่วนการติดจีพีเอสถือเป็นการควบคุมระบบขนส่งจะทำให้สามารถติดตามเส้นทางการขนส่งได้อย่างชัดเจน ป้องกันการออกนอกเส้นทางเพื่อลักลอบทิ้งได้ ในขณะที่การเข้มงวดกำกับดูแลผู้ประกอบการทั้งประเภท 101, 105 และ 106 ว่ามีศักยภาพเพียงพอต่อการให้บริการหรือไม่ เป็นการคุมปัญหาที่ปลายทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ รับกากอุตสาหกรรมมาแล้ว แต่ไม่สามารถจัดการได้จึงเกิดปัญหาการลักลอบทิ้งตามมา

ดังนั้น หากรัฐสามารถควบคุมการจัดการกากฯ ได้ทั้งระบบตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาการลักลอบทิ้งได้อย่างแน่นอน และจากการพูดคุยกับทางภาครัฐเชื่อว่าหลังจากออกมาตรการเพื่อบังคับใช้ในช่วงแรกนี้แล้ว รัฐยังเตรียมออกมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อบังคับใช้ควบคุมการลักลอบทิ้งในระยะยาวด้วย เพื่อเป้าหมายให้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศกำจัดกากฯ ตามระบบ 100%"นายเอกรินทร์ กล่าว

นายเอกรินทร์ กล่าวอีกว่า การออกมาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อบริษัทในฐานะผู้ประกอบกิจการกำจัดกากอุตสาหกรรม เนื่องจากได้ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวมาก่อนแล้ว โดยรถขนส่งทุกคันของบริษัทได้รับใบอนุญาตถูกต้องจากกรมโรงงานฯ พร้อมติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส ในขณะที่หลุมฝังกลบเป็นหลุมที่ทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังได้รับมาตรฐาน ISO ทั้งด้านคุณภาพ (ISO 9001) ด้านสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) และด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 18001)

และประการสำคัญบริษัทยังได้รับรางวัลเหรียญทองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จากโครงการยกระดับผู้ประกอบการกำจัดกากอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งสามารถยืนยันถึงการประกอบกิจการที่ทำได้สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และพร้อมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ