โดยต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ตลาดคงจะให้น้ำหนักกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องชี้ภาคการผลิต (ISM Manufacture) ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานและการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และตัวเลขเศรษฐกิจจีน ได้แก่ การรายงานเครื่องชี้ภาคการผลิต (PMI)
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้(24-28 มี.ค.) ดัชนี SET ปรับเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของต่างชาติ และการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,368.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.62% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 29.52% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 25,563.22 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 395.03 จุด ลดลง 2.24% จากสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง จากนั้นตลาดปรับเพิ่มขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติในยูเครน จากนั้นตลาดหุ้นปรับลดลงอีกครั้งในวันพฤหัสบดีจากแรงขายทำกำไร แต่ตลาดสามารถที่จะกลับมาปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ และแรงซื้อเพื่อทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing)