นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากกรณีที่ภาครัฐให้การสนับสนุนในการออกคูปองเงินสนับสนุนค่าอุปกรณ์เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากทีวีอนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิตอล (Set Top Box) ที่ 690 บาท ให้แก่คนไทยทั้ง 22 ล้านครัวเรือน โดยเชื่อว่าจะเป็นตัวผลักดันกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะเพียงเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยก็จะได้สินค้าดังกล่าว ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าหากจะต้องใช้เงินซื้อทีวีที่รองรับระบบดิจิตอลที่มีราคาค่อนข้างแพง
ทั้งนี้ บริษัทจะกระจายสินค้าดังกล่าว ในช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อาทิ เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, พาวเวอร์ บาย, เดอะ มอลล์ และแมคโคร รวมถึงผ่านทางดีลเลอร์ เป็นต้น
"เชื่อว่าด้วยจุดจำหน่ายสินค้าของ AJ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และชื่อเสียงแบรนด์ของเราเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ในเรื่องของสินค้ามีคุณภาพและมีบริการหลังการขายที่ดี ทำให้มั่นใจว่าสินค้าในกลุ่ม Set Top Box จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สินค้าตัวอื่นๆ โดยได้ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ไว้จำนวน 1,000,000 เครื่อง" นายอมร กล่าว
นอกเหนือจากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์และการพัฒนาของเทคโนโลยีแล้ว บริษัทยังเตรียมที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มชนิดสินค้าในโมเดิร์นเทรด และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ในแต่ละจังหวัด รวมถึงจะมุ่งเน้นทำการตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามปริมาณลูกค้าที่เติบโตขึ้น
"ผู้บริหารและพนักงานของ AJD ทุกคนมีความตั้งใจอย่างที่สุด ที่จะช่วยกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเราจะไม่ยอมหยุดนิ่งในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ซึ่งอนาคตเป้าหมายของเราไม่ได้ต้องการเติบโตแค่ภายในประเทศเท่านั้น แต่ต้องการสร้างชื่อของแบรนด์ "AJ" ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอีกด้วย" นายอมรกล่าว