นายเมธี กล่าวว่า การมีผู้เช่ารายใหม่จะส่งผลดีสำหรับนักลงทุน ซึ่งกองทุนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเพิ่มผู้เช่าค่อนข้างต่ำ เนื่องจากค่าเช่าที่คิดกับผู้เช่าหลักซึ่งคือกลุ่มทรูได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของการใช้ทรัพย์สินไปแล้ว เมื่อกองทุนมีผู้เช่าเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ที่ได้รับเพิ่มขึ้นจะแปลงเป็นผลกำไรและกระแสเงินสดได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ กองทุน TRUEIF มีรายได้หลักจากสัญญาจัดหาผลประโยชน์ระยะยาวที่ให้ความแน่นอนในการสร้างกระแสเงินสดให้แก่กองทุน โดยในเบื้องต้นรายได้หลักของ TRUEIF จะมาจากสิทธิในกระแสเงินสดสุทธิจากค่าเช่าสินทรัพย์โทรคมนาคม จาก CAT เป็นเวลา 12 ปี และจากค่าเช่าของกลุ่มทรูตามสัญญาเช่าทรัพย์สินระยะยาว ทำให้กองทุนมีรายได้สม่ำเสมอ ปัจจุบันกองทุนมีรายได้ค่าเช่า รายรับล่วงหน้า และสิทธิในกระแสเงินสดสุทธิจากการซื้อรายได้เดือนละประมาณ 464 ล้านบาท ซึ่งรายรับดังกล่าวมาจากการที่มีกลุ่มทรูเช่าใช้ทรัพย์สินของกองทุนแต่เพียงผู้เดียวในขณะนี้ ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลครั้งแรกภายหลังจากปิดงบการเงินงวดไตรมาส 1 นี้