(เพิ่มเติม) WHA ตั้งกอง REIT มูลค่า 4.7 พันลบ.เล็งขยายแตะ 5 หมื่นลบ.ภายใน 5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 31, 2014 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านบาท โดยพิจารณาทรัพย์สินที่จะลงทุนครั้งแรก ได้แก่ โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 2 โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.18) และโครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23)

แต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นทรัสตีให้แก่กองทรัสต์ ทั้งนี้ หลังจากที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินข้างต้นแล้ว บริษัทฯ จะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ (Property Manager) และจะให้บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นมาใหม่ (ถือหุ้นโดย WHA 99.99%) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager)

นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มขนาดกอง REIT ให้เป็น 5 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปี หรือปี 2561-2562 โดยจะมาจากการแปลงสภาพกองทุนอสังหาฯเดิม และการขายสินทรัพย์ของบริษัทเข้าไปเป็นสินทรัพย์ของกองทุนเพิ่มเติม รวมถึงการซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารหรือการร่วมทุนในกิจการอื่น ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม คาดว่าจะไดข้อสรุปการเจรจาแนวทางดำเนินการกับสินทรัพย์มูลค่าราว 500-2,000 ล้านบาทภายในปีนี้ เน้นในกลุ่มโรงงานสำเร็จรูปหรือคลังสินค้า

"ตั้งเป้าหมายที่จะขยายกอง REIT ให้เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีซึ่ งจะมาจากการแปลงสภาพและการซื้อสินทรัพย์บริษัทอื่นเข้ามา คาดน่าจะได้ครบตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยเราจะยังเน้นซื้อสิ่งที่เราถนัดและมีความสามารถในการบริหารคือโรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้า" น.พ.สมยศ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้เปลี่ยนแผนการขายทรัพย์สินดังกล่าวจากเดิมที่คาดว่าจะขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) มาเป็นการขายให้กับ REIT ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้น เนื่องจากในปีที่แล้วกฏเกณฑ์บางประการของ REIT ยังไม่มีความชัดเจน ประกอบกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไม่อนุญาตให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่อีกแล้ว

ดังนั้น WHAPF จึงได้จัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในเดือนธันวาคม 2556 เพื่ออนุมัติการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ข้างต้นเพิ่มเติมและยื่น filing ไปก่อนเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับบริษัทฯ ในการขายทรัพย์สินให้กับกอง WHAPF เดิมได้อีกในปี 2557

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกฎเกณฑ์ต่างๆ ของการจัดตั้ง REIT มีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มองว่าการขายทรัพย์สินให้กับ REIT นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน โดยที่บริษัทจะจัดตั้งบริษัทย่อยทำหน้าที่ผู้จัดการกองทรัสต์ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการ REIT เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกันนี้ REIT ยังคงมอบหมายให้บริษัทฯ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ทำหน้าที่จัดหาผลประโยชน์ วางกลยุทธ์การตลาด และจัดหาผู้เช่า ซึ่งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ และความคุ้นเคยกับทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอย่างดี จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กองทรัสต์

ทรัพย์สินที่จะพิจารณาขายเข้า REIT ทั้ง 3 โครงการมีพื้นที่เช่ารวมประมาณ 167,000 ตารางเมตร โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขายสินทรัพย์เพิ่มเข้า REIT ทุกปี ปีละประมาณ 3-4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรรมสิทธิ์ในส่วนต่อเติมและดัดแปลงของโครงการ DSG นั้น บริษัทฯ จะยังคงขายให้กองทุนรวม WHAPF ตามแผนเดิม เนื่องจากส่วนต่อเติมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ DSG ซึ่งปัจจุบันถือกรรมสิทธิ์โดยกองทุนรวม WHAPF อยู่แล้ว โดยที่การลงทุนในส่วนปรับปรุงต่อเติมโครงการ DSG จะทำให้กองทุนรวมได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง

นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย คาดว่ากอง REIT ของ WHA จะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์ให้แก่นักลงทุนได้ประมาณไตรมาส 4/57 โดยธนาคารมีความมั่นใจว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีรูปแบบการลงทุนที่มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ซึ่งนักลงทุนรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาของบริษัทฯ จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงภายใต้การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของของผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว

กอง REIT เป็นทางเลือกในการลงทุนรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้แทนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้น อาทิ การอนุญาตให้ REIT สามารถก่อภาระผูกพันในรูปแบบของการกู้ยืมเพื่อมาซื้อทรัพย์สินได้มากขึ้น โดยสามารถก่อหนี้ได้ถึง 35% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมซึ่งจะช่วยลดภาระการระดมทุนและเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน และการปรับเปลี่ยนกฏเกณฑ์ในการจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องเป็นการจัดสรรแบบ Small-lot First เหมือนเกณฑ์ที่บังคับใช้ในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิมอันจะช่วยขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

ในภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน REIT เป็นช่องทางในการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และผลตอบแทนดังกล่าวอาจจะสามารถชนะอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาว (Inflation Hedged) ดังนั้น การลงทุนใน REIT จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (Long-term Investors)

ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop)นั้น นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า น่าจะสามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 2 สัปดาห์ โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.5 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ให้บริษัทราว 9 ล้านบาท/เมกะวัตต์ ซึ่งหากจ่ายไฟ้ได้เต็มปีจะสร้างรายได้ให้กับบริษัท 50 ล้านบาท /ปี นอกจากนี้บริษัทได้มีการเจรจากับผู้ที่ต้องการขายในอนุญาตโซล่ารูฟ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูพิจารณาความเหมาะสมกับความคุ้มค่าการลงทุนด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ