สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 113,238 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 81,501 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 72.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 18,229 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 889 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.2 ปี, 5.2 ปี และ 7.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,151 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF147A) มูลค่า 203.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL14DA) มูลค่า 132.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 101.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 437.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 12,870 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,822 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,495 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.26% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุ 10- 20 ปี ประมาณ 1 bp. ล่าสุด ธปท.คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ.57 ว่า มีแนวโน้มชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัว ด้านปัจจัยต่างประเทศ นางเจเน็ต เยลเลน ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าจะยังใช้นโยบายผ่อนคลายต่อไป อีกสักระยะหนึ่ง สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงซื้อโดยเฉพาะในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 7,495 ล้านบาท