เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรมากขึ้น ซึ่งได้มีการลงทุนในระบบจัดการข้อมูล หรือ SAP กว่า 100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นยอดขายในปีนี้ให้เพิ่มขึ้น และมีการลดต้นทุนด้านการผลิต ด้านพลังงาน รวมถึงลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดซึ่งไม่มีการโฆษณา เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เป็นผลมาจากโครงการรับจำนำข้าว ประกอบกับภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวโดยจะมีการรุกตลาดในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยเศรษฐกิจเริ่มกลับมามากแล้ว
ขณะที่ ในปีนี้บริษัทกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง หลังหยุดทำการตลาดไป 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบบรรจุภัณฑ์ข้าวบรรจุถุงใหม่ เพื่อให้ตรงใจกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น พร้อมส่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ชุดใหม่ล่าสุดจำนวน 9 ตัว ภายใต้ธีม "หัวใจข้าว" เผยแพร่ทางโทรทัศน์ทั้งหมด 6 ตอน และสปอตวิทยุจำนวน 3 ชิ้น เช่น โฆษณาชุดหัวใจข้าว โฆษณาชุดโจ๊กข้าวกล้องแม่ลูก โฆษณาชุดข้าวกล้องวัยรุ่น โฆษณาชุดข้าวใหม่ปลามัน และโฆษณาชุดวัยทำงาน
"เรายังกังวลถึงปัจจัยเสี่ยงในประเทศอยู่มาก ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลในเรื่องของนโยบายการระบายข้าวว่าจะออกมาอย่างไร แต่ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มลดลงไปมาก เราก็จะมีการเดินหน้าธุรกิจไปด้วยความระมัดระวัง โดยเราตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 1,300 ล้านบาท และคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากการทำการตลาดที่เรียกความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าว และโดยพื้นฐานผลิตภัณฑ์ของไทยฮา มีการตอบรับดีอยู่แล้ว ซึ่งมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้นจากผู้บริโภค" นายสมฤกษ์ กล่าว