นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ที่มีขึ้นในวันนี้ด้วย อีกทั้งยังคาดหวังจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาด้วย ดังนั้นตลาดจึงน่าจะยังเป็นบวกอยู่
อีกทั้งในอีกราว 2 สัปดาห์ก็จะมีเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็คงจะเริ่มที่สหรัฐฯก่อน ซึ่งก็ต้องติดตามดูว่าเป็นอย่างไร ส่วนบ้านเราก็จะมีทยอยประกาศงบฯด้วยเหมือนกัน ซึ่งก็จะเริ่มที่หุ้นในกลุ่มแบงก์
พร้อมระบุว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ในตลาดบ้านเราเวลานี้ถูกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะรับแรงซื้อได้อยู่ และงจะทำให้กลุ่มแบงก์นำตลาดฯได้อยู่
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังมีการเมืองถ่วงอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,385 จุด แนวต้าน 1,400-1,410 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(2 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,573.00 จุด เพิ่มขึ้น 40.39 จุด (+0.24%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,890.90 จุด เพิ่มขึ้น 5.38 จุด(+0.29%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,276.46 จุด เพิ่มขึ้น 8.42 จุด (+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 62.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 142.12 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 2.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.79 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(2 เม.ย.)ที่ 1,396.62 จุด เพิ่มขึ้น 9.14 จุด(+0.66%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 122.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 เม.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 เม.ย.)ที่ 99.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 เม.ย.)ที่ 6.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้ 32.44/46 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค
- "ประสาร"เตือนระวังการเมืองยืดเยื้อนานอาจสร้างเชื้อมะเร็ง บ่อนทำลายเศรษฐกิจในอนาคต ชี้พื้นฐานเศรษฐกิจดีแต่ไม่แกร่งเหมือนอดีต เปรียบเหมือนคนที่น้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงเผชิญโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ส่วนนโยบายการเงินในขณะนี้ เป็นเพียง "แท็คติค" รักษาความเชื่อมั่น ประคับประคองเศรษฐกิจ
- อุตสาหกรรมตั้งบอร์ดบีโอไอชุดใหม่วันนี้ พร้อมแจงรายละเอียดอีโคคาร์ เฟส 2 ด้านเอกชนมั่นใจการลงทุนฟื้น-สร้างภาพลักษณ์ประเทศ หลังหยุดชะงักจากวิกฤติการเมือง ขณะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เชื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีนี้ หนุนยอดผลิตตามเป้าหมาย
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ออกรายงานว่า การที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว จะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภค กำลังซื้อภาคครัวเรือนจะลดลงอีกมาก และจะส่งผลให้เอกชนลดกำลังการผลิตลง จนท้ายที่สุดผู้ประกอบการจะไม่มั่นใจในการผลิตสินค้าออกมาขาย
- นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดการขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรืออีโคคาร์ 2 ยอดการผลิต 1.58 ล้านคัน เงินลงทุน 1.38 แสนล้านบาท จะทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องคือ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ มีความคึกคักขึ้นในช่วงปี 2559
- แบงก์ชาติเผยระดับหนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุดล่าสุดสัดส่วนขยับแตะระดับ 82.3% ยอดคงค้างปล่อยกู้ให้ครัวเรือน 9.79 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกิดจากยอดสินเชื่อแผ่วลง ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่า ห่วงคนมีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน และนอนแบงก์เป็นผู้ให้กู้ส่วนใหญ่
- ก.ล.ต.เร่งเดินหน้าดัชนีวัดความคืบหน้าต่อต้านทุจริต-คอร์รัปชันให้แล้วเสร็จในไตรมาส 3 หวังใช้เป็นเกณฑ์ยกคุณภาพบริษัทจดทะเบียนไทยให้มีคุณภาพและโปร่งใส่ ชี้ที่ผ่านมามี บจ.ผ่านเกณฑ์แค่ 9 แห่ง จาก 302 บริษัท ขณะที่สถิติคดีทุจริตตลาดหุ้น 382 คดี จัดการได้เพียง 7% อีกทั้งหลายบริษัทยังไม่กล้าจ่ายเกรงกระทบธุรกิจ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SUTHA(บมจ.สุธากัญจน์)เทรดวันนี้วันแรก ในหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ในตลาด SET บล.เคเคเทรดประเมินมูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 4.44 บาท จากราคาเสนอขายหุ้น IPO ในราคา 3.7 บาท แม้ราคาจะได้มูลค่าที่สูงกว่า BV ถึง 2.6 เท่า แต่ถือว่าสอดคล้องกับ ROE ซึ่งในปี 2557 ประเมินไว้ที่ 21.4% พร้อมคาดในปี 2557 SUTHA จะมีกำไรสุทธิเติบโต 10% YoY เป็น 111 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มเป็น 40% จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงรวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
- SPALI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.40 บาท ยังน่าสนใจจากยอดขาย 1Q ที่เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มฯ และเป็นบริษัทที่เราคาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยสุดเนื่องจากมีงานในมือที่สูงถึง 4.3 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับรายได้ช่วง 2 ปีนี้ได้ถึง 80 - 90% ของประมาณการ รวมถึงการวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ค่อนข้างประสบผลสำเร็จ จากสินค้าคอนโดมีเนียมที่เปิดตัวใหม่สร้างยอดขายได้กว่า 70% สวนทางกับตลาดที่ซบเซา ถือเป็นจุดเด่นที่ทำได้แตกต่างจากลุ่มผู้ประกอบการเดียวกัน
- GLOW(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 80 บาท ประเด็นเด่นที่สุดในปี 2557 คือการที่โรงไฟฟ้า GHECO-One และ HHPC ซึ่งมีสัดส่วนกำไร 37% และ 5% ของกำไรสุทธิรวม จะสามารถกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติตามแผนที่บริษัทวางไว้ โดยเฉพาะ GHOECO-One ที่บริษัทตั้งเป้าค่าความพร้อม(Availability rate)จะเพิ่มขึ้นมาเป็น92%จาก 76% ในปี 2556 ขณะที่โรงไฟฟ้า HHPC กลับมาพร้อมผลิตไฟฟ้าเต็มในเดือน ก.พ.2557 หลังจากสามารถแก้ไขปัญหาระบบสายส่งที่เสียหายจากเหตุภัยธรรมชาติในช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 เพิ่มขึ้น 17.3% YoY
- ADVANC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 253 บาท คาดกำไรปกติ 1Q14 เพิ่ม 5% Q-Q จากรายจ่ายการตลาดและภาษีจ่ายลดลง แต่ลดลง 6% Y-Y จากฐานกำไรที่สูงกว่าปกติใน 1Q13 ประกอบกับต้นทุนการลงทุนโครงข่าย 3G ที่ยังสูง ยังคงคาดกำไรปกติทั้งปีจะโต 11% สูงที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการ 3G ทั้ง 3 ราย ปัจจุบัน ADVANC มี PE 16.8 เท่า ถูกกว่า DTAC ที่มี PE 22 เท่า