สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 74,604 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 56,056 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 9,003 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 750 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 1.1 ปี, 5.2 ปี และ 3.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,982 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP213A) มูลค่า 156.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 105.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC15OC) มูลค่า 83.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 345.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,776 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 20,931 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,743 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.28% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 bp. เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาพรุ่งนี้ เนื่องจากอาจมีผลต่อการปรับลดขนาดมาตรการ QE ลง ในการประชุมครั้งหน้า สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 2,743 ล้านบาท