ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการดำเนินงานและขยายธุรกิจของบริษัท อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ตลอดจนการผสานธุรกิจการตลาดเข้ากับการดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมัน การกระจายธุรกิจไปสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวได้ประเมินถึงความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่น (Gross Refining Margin -- GRM) ไว้ด้วยแล้ว ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในช่องทางการค้าปลีกได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะสร้างรายได้ที่แน่นอนให้แก่บริษัทในระยะยาวและจะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจน้ำมันของบริษัทได้ในระยะกลาง
บริษัทดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) โดยมีกำลังการกลั่น 120,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 11% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดในประเทศ บริษัทยังดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า “บางจาก" โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันจำนวน 1,074 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 70 เมกะวัตต์ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทในปี 2556 มาจากโรงกลั่นน้ำมัน 70% จากธุรกิจการตลาด (การจำหน่ายผ่านสถานีบริการและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม) 15% และจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 15% ณ วันที่ 6 มีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย ปตท. 27.22% กระทรวงการคลัง 9.98% และส่วนที่เหลืออีก 62.80% ถือโดยนักลงทุนทั่วไป
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงการผสานธุรกิจการตลาดเข้ากับการดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ของบริษัทมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบได้หลากหลายชนิดและสามารถกลั่นน้ำมันจนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้กำไรสูง เช่น น้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยานในสัดส่วนที่สูง โดยในปี 2556 บริษัทมีปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 99,300 บาร์เรลต่อวันจากเมื่อปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 73,700 บาร์เรลต่อวัน สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันที่บริษัทกลั่นได้ในปี 2556 ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 49% น้ำมันเบนซิน 20% น้ำมันเตา 17% น้ำมันอากาศยาน 11% และก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) 3% สำหรับค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ของบริษัทในปี 2556 อยู่ที่ 5.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันและค่าการกลั่น
ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายผ่านธุรกิจการตลาดของบริษัทมีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 381 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2555 เป็น 405 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2556 โดยจำหน่ายผ่านสถานีบริการประมาณ 60% ของยอดจำหน่ายรวม ส่วนที่เหลืออีก 40% จำหน่ายโดยตรงให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ในปี 2556 บริษัทมีสถานะเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 14.8% เพิ่มขึ้นจาก 13.8% ในปี 2555
บริษัทลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่ปี 2554 โดยบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 118 เมกะวัตต์ โดยแต่ละสัญญาบริษัทได้รับส่วนเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้า (Adder) จำนวน 8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ณ สิ้นปี 2556 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทกำลังผลิตรวม 70 เมกะวัตต์ได้เปิดดำเนินงานแล้ว ส่วนอีก 48 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2557 เมื่อโรงไฟฟ้าสามารถเปิดดำเนินงานได้ทั้งหมด บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้าง EBITDA จากโรงไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 2,500-2,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20%-25% ของประมาณการ EBITDA รวมของบริษัท ซึ่งกระแสเงินสดที่ได้รับจากธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจากความผันผวนของธุรกิจน้ำมันได้
สถานะทางการเงินของบริษัทในปี 2556 อยู่ในประมาณการของทริสเรทติ้ง แม้ว่าปี 2556 ราคาน้ำมันจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.9% เป็น 186,514 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากการมีปริมาณขายที่สูงกว่าเดิม โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 4.0% ในปี 2556 ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจโดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับ 37.3% ณ สิ้นปี 2556
สำหรับช่วงปี 2557-2559 ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานว่าบริษัทจะมี EBITDA อยู่ในช่วง 7,000-10,000 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่น 100,000 บาร์เรลต่อวัน มีค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าบริษัทจะมีการลงทุนสำหรับโครงการใหม่ในระหว่างปี 2557-2559 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 29,400 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายกำลังการกลั่นของโรงกลั่น และการขยายเครือข่ายการตลาดของบริษัท รวมไปถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจอื่น ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจาก EBITDA และแผนการลงทุนแล้ว คาดว่าสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่มีการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 45% ในช่วงปี 2557-2559