นอกจากนี้ ให้จับตาการประชุม BOJ ที่จะมีขึ้นในวันนี้ โดยมองว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือเปล่า แต่ข้อดีของตลาดคือ เริ่มเห็นเงินไหลเข้ามาที่ Emerging Market แต่ก็เห็นไหลเข้าไปที่ตลาดอินเดีย และอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองตลาดนี้ได้มีการเลือกตั้งอยู่
ส่วนตลาดบ้านเราเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มที่จะหยุดพักร้อนกันแล้ว และการเมืองช่วงนี้คงจะไม่มีอะไร คงจะต้องรอไปหลังสงกรานต์อีกที อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมา
พร้อมแนะ"เทรดดิ้ง"เลือกเล่นเป็นรายตัวไปก่อน โดยให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,397-1,400 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(7 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,245.87 จุด ลดลง 166.84 จุด (-1.02%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,845.04 จุด ลดลง 20.05 จุด(-1.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,079.75 จุด ลดลง 47.98 จุด(-1.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 93.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 12.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 7.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.87 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 เม.ย.)ที่ 1,392.01 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด (+0.06%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 471.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 เม.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 เม.ย.)ที่ 100.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 เม.ย.)ที่ 6.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้ 32.44/46 แข็งค่า หลังตัวเลขศก.สหรัฐกดดอลล์อ่อน
- ภาคธุรกิจเร่งปรับแผนหนีผลกระทบการเมือง มุ่งเจาะตลาดต่างประเทศแทนกำลังซื้อภายในชะลอ "กานต์" ชี้เศรษฐกิจปีนี้อาจโตต่ำกว่า 2.7% ระบุความไม่แน่นอน ตั้งรัฐบาลใหม่ ปัจจัยเสี่ยงหลักมั่นใจกระทบช่วงสั้น "ไพรินทร์" ขอเวลาอีก 3 เดือน ประเมินสถานการณ์ ก่อนทบทวนแผนเครือสหพัฒน์ ปรับตัวครั้งใหญ่รอบ 10 ปี เจาะตลาด-ลงทุนต่างประเทศ
- ยานยนต์ญี่ปุ่น ชี้ไทยยังเป็นฐานผลิต แม้การเมืองยืดเยื้อ รับการลงทุนใหม่ อาจชะลอดูสถานการณ์ สมาคมรับเหมาช่วงการผลิตยันเอสเอ็มอีญี่ปุ่นสนใจลงทุนไทย ด้านสถาบันยานยนต์ระบุข่าวค่ายรถย้ายฐาน เหตุประเทศเพื่อนบ้านต้องการแข่งขันไทย
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประชาชนที่ได้รับสิทธิคืนภาษีโครงการรถคันแรกในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. 2557 อาจได้รับเงินคืนล่าช้าออกไป เนื่องจากวงเงินงบประมาณปี 2557 ที่ตั้งไว้จ่ายคืนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิ 4 หมื่นล้านบาท ได้ทยอยโอนให้ผู้ที่ได้รับสิทธิหลังครอบครองรถครบ 1 ปีไปแล้วกว่า 3.07 หมื่นล้านบาท
- นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน พ.ค.-ส.ค.ที่จะถึงนี้ ว่า มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่คิดอยู่ 59 สตางค์/หน่วย เพราะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
- เวิลด์แบงก์กดประมาณจีดีพีไทยปีนี้ โต 3% สถานการณ์การเมืองไม่เอื้อบริโภค-ลงทุนแผ่ว แต่หากจบเร็วจะเติบโตมากกว่านี้ หวังเศรษฐกิจโลกฟื้นต่อเนื่อง ดันส่งออกพยุงจีดีพี
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เตรียมเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกครั้งที่ 89 ระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย.นี้ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท ประเมินกำไรปกติใน 1Q57 กลับมาเพิ่มขึ้น 32% QoQ จากลดลง 23% QoQ ใน 4Q56 เป็นผลจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายซื้อกิจการ MAKRO ที่ส่วนใหญ่บันทึกไปใน 2H56 แล้ว ขณะที่ในภาพรวมของทั้งปี 2557 ประเมินว่า CPALL มีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรในปี 2557 ลงน้อยที่สุดในกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากคาดการณ์กำไรปกติในปี 2557 ไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY แต่ยังคงต่ำกว่า Consensus คาดถึง 7% ประกอบกับธุรกิจหลักร้านเซเว่นฯ จะได้รับผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจขาลง
- CHG(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.80 บาท แม้ว่าราคาหุ้นจะเริ่มมีการขยับปรับตัวขึ้นมาแล้ว แต่เรามองว่ายังไม่ตอบสนองต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของบริษัท ที่ผู้บริหารตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2557 เพิ่มขึ้น 10-15% รวมทั้งการขยายพื้นที่โรงพยาบาลเดิม 3 แห่ง (จุฬารัตน์ 3, 9, 11) และโรงพยาบาลแห่งใหม่ใน จ.ปราจีนบุรี (เปิดให้บริการเฟส 1 เม.ย.2557) ขณะที่เราคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตต่อเฉลี่ยปี 14% นอกจากนี้เราคาดเงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 0.36 บาท/ หุ้น ให้ผลตอบแทน 3.5% จึงถือว่า CHG เป็นหุ้นที่เด่นทั้งการเติบโตของกำไรและเงินปันผล
- SCC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 500 บาท ประเมินว่าจะ Outperform หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีได้ในเดือน เม.ย. จากผลประกอบการ 1Q57 ที่คาดว่าจะขยายตัวโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี และเชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากการจัดประชุม Preview ผลประกอบการ 1Q57 ในวันที่ 21 เม.ย. โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q57 จะเติบโตสูง qoq เมื่อเทียบกับ 4Q56 ที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานปิโตรเคมี จากแรงหนุนของธุรกิจปิโตรเคมีที่ขยายตัวทั้ง yoy และ qoq นอกจากนี้ ได้ประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ และแกว่งตัวบริเวณ US$100.00/barrel เนื่องจากเป็นสายการผลิตแบบ Naphtha Base จึงส่งผลบวกต่อ Spread เมื่อราคาน้ำมันขยับลง และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ
- BBL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 213 บาท เลือกเป็น Top Pick กลุ่มแบงก์ คาดกำไร 1Q57 ที่ 8.45 พันล้านบาท โต 10%QoQ แต่อ่อนตัว 6%YoY โดยแนวโน้มทั้งรายได้ดอกเบี้ย และที่มิใช่ดอกเบี้ยทรงตัว QoQ จากการเติบโตของสินเชื่อ และการทำธุรกรรมของลูกค้าที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยหนุน คือ ค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่สูงในไตรมาสที่แล้วลดลงมาอยู่ในระดับปกติ ขณะที่แนวโน้ม NPL แม้อาจเพิ่มขึ้นบ้าง แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งสำรองในไตรมาสนี้มาก เนื่องจากมีระดับสำรองที่สูงอยู่แล้ว ทั้งนี้คาดการเติบโตของสินเชื่อในปี 2557 นี้อาจไม่สูงมากเพียง 5% ขณะที่กำไรคาดไว้ที่ 3.73 หมื่นล้านบาท เติบโตเพียง 4%YoY แต่อาจมีการปรับลดในอนาคตได้อีก อย่างไรก็ตามเชื่อว่า BBL ยังแกร่งสุด