ทั้งนี้ หากพิจารณา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 11.31 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือคิดเป็น 0.87% มาซื้อขายที่ระดับ 1,300.33 เหรียญต่อทอยออนซ์ โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,277.40 เหรียญต่อทอยออนซ์ และมีจุดสูงสุดที่ 1,306.55 เหรียญต่อทอยออนซ์ ราคาทรงตัวออกข้างโดยได้แรงหนุนจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ภาวะซบเซาอย่างมากในตลาดแรงงานสหรัฐเน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่เฟดยังต้องช่วยหนุนเศรษฐกิจด้วยนโยบายที่ผ่อนคลายแบบพิเศษต่อไป "สักระยะหนึ่ง" เพื่อให้ชาวอเมริกันได้กลับมามีงานทำอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
นอกจากนี้ อีซีบียังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ โดยในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า นายจ้างภาคเอกชนของสหรัฐยังคงจ้างงานเพิ่มขึ้นในจังหวะที่แข็งแกร่งเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นอีกหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอยู่ในจังหวะการขยายตัวที่รวดเร็วขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาว ขณะที่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 192,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 197,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ส่วนอัตราว่างงานยังคงทรงตัวอยู่ที่ 6.7% เนื่องจากมีจำนวนคนหางานเพิ่มขึ้น
พร้อมกันนั้น โกลเบล็ก ยังประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงสัปดาห์นี้(8 -11 เมษายน 2557)ว่า ดัชนีตลาดหุ้นทยมีการดีดตัวกลับมาต่อเนื่อง ทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ ทำให้ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ประกอบในช่วงกับสัปดาห์นี้จะเกิด Golden cross ดังนั้นหากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 1,381 จุด แนวโน้มที่จะเห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้าน ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ที่1,420 –1,421 จุด ได้ภายในเร็วๆนี้
สำหรับหลักทรัพย์ที่แนะนำลงทุน โดยอิงจากกรอบสัญญาณทางเทคนิค คือ บมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI) เนื่องจากมองว่าระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน หลังจากถูกขายทำกำไรแต่ไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ขณะเดียวกันหุ้นPDI เริ่มมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นหากราคาไม่ปรับตัวตัวลดลงไปปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน บริเวณ 11.70 – 11.60 จุด ก็เชื่อว่าโอกาสที่ราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวแตะระดับแนวต้านสำคัญที่ 12.20บาท และ 12.80 บาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุนในหุ้น บมจ.ช.การช่าง(CK) โดยหากพิจารณาจากกรอบสัญญาณทางเทคนิค หุ้นราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ และกำลังจะเกิดสัญญาณ Golden cross และหากระดับราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 17.20 บาท โอกาสที่CK จะมีลุ้นผ่านแนวต้าน 17.90 บาท ก่อนที่จะขึ้นไปขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 18.50 บาทได้
พร้อมแนะนำลงทุน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) โดยให้แนวรับที่ระดับ424 -422 บาท แนวต้านให้ไว้ที่ระดับ432-434 บาท โดยมองว่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มกลับตัว มาทำ New high ในรอบ 1 สัปดาห์ โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับ MACD ที่ผ่านขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ ดังนั้นจึงมองว่าหากสัญญาณยังปรับตัวได้ต่อเนื่อง โอกาสที่ราคาหุ้น SCC แตะระดับแนวต้าน432-434 บาท มีความเป็นไปได้สูง