PTTGC มั่นใจ EBITDA ปีนี้โต 10% จาก 5.8 หมื่นลบ.ปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 9, 2014 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) มั่นใจว่า ในปี 57 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) จะเติบโตจากปีก่อน 10% ที่EBITDA อยู่ที่ 58,362 ล้านบาท จากการผลิตในไตรมาส 2/57 กลับมาเดินเครื่อง 100% หลังจากที่ บมจ.ปตท. (PTT)เดินเครื่องโรงแยกก๊าซที่ 5 ได้เต็มที่แล้วในเดือนเม.ย.นี้ ทำให้การผลิตทั้งในส่วนโอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ และโรงกลั่นเดินเครื่องการผลิตได้ 100%หมดจากในไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีการผลิตไม่เต็มที่ อีกทั้งในไตรมาส 2 นี้จะเพิ่มสัดส่วนในประเทศมากขึ้นเพราะมีโรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อมบำรุง ทำให้สัดส่วนส่งออกน้ำมันลดลงเหลือราว 10-20% จากปกติส่งออก 20-30%

อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/57 ใกล้เคียงไตรมาส 4/56 โดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ต่ำลง ส่วนโอเลฟินส์ยังมีราคาดีมาก ส่วนธุรกิจโรงกลั่นทรงตัว แต่จะมีผลประกอบการต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56

นายบวร กล่าวถึงความคืบหน้าการร่วมลงทุนกับเปอรามีน่า ในอินโดนีเซีย ในการลงทุนปิโตรคอมเพล็กซที่จะผลิตแครกเกอร์ 1 ล้านตัน/ปี ที่จะรับวัตถุดิบจากโรงกลั่นของเปอตามีน่าที่มีขนาด 1.2 แสนบาร์เรล/วัน แต่ทางเปอตามีน่ากำลังพิจารณาขยายกำลังการกลั่น คาดจะขยายเป็น 1.8 แสนบาร์เรล/วัน หรือหากจะขยายเป็น 3 แสนบาร์เรล/วัน จะช่วยทำให้โครงการผลิตปิโตรเคมีครบวงจร (Fully Integrated) มากขึ้น ที่จะมีทั้งสายอะโรเมริกส์และโอเลฟินส์

ทั้งนี้เปอตามีน่าเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าร่วมทุนในการขยายโรงกลั่น บริษัทกำลังพิจารณาตัดสินใจ หรืออาจจะไปลงทุนผ่านกลุ่มปตท. ที่จะให้บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ในการเข้าลงทุนธุรกิจโรงกลั่นในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ทางเปอมีน่าไม่ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปกลางปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ