รวมทั้งปีนี้บริษัทมีแผนขายที่ดินอีก 100-200 ไร่ ที่อยู่ในนิคมบ้านค่าย และในเขตประกอบอุตสาหกรรมไออาร์พีซี (ECO Industrial Zone)
"แม้ว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลประกอบการยังไม่ดีเท่าที่ควร และถูกซ้ำเติมจากการชุมนุมทางการเมือง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ได้โตรวดเร็วอย่างที่คาด ดังนั้นจะต้องเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการในโครงการ DELTA เราตั้งเป้ามีกำไรมากกว่าปีก่อนแน่นอน โดยคาดการณ์ ว่า Market GIM จะได้มากกว่าปีที่แล้ว 1.50 เหรียญ/บาร์เรล "นายสุกฤต กล่าว
นอกจากนี้ ในระยะสั้นบริษัทพยายามเพิ่มอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ทั้งการนำน้ำมันดิบในประเทศเข้ามาใช้มากขึ้นโดยปีนี้ตั้งเป้าจะใช้จำนวน 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปีก่อนใช้ 1 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยแบ่งเป็นน้ำมันดิบ 2.3 หมื่นบาร์เรล/วันและคอนเดนเสท 1.2หมื่นบาร์เรล/วัน ขึ้นกับการจัดสรรจาก บมจ.ปตท. (PTT)และเร่งรัดโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันหนัก โดยจะปรับสัดส่วนการกลั่นน้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันเบามีเป้าหมายลดสัดส่วนเป็น 8% จากปัจจุบัน มีสัดส่วน 23% โดยกระจายไปเป็นน้ำมันดีเซล เบนซิน นาฟทา เป็นต้น จะทำให้กำไรขั้นต้น (GIM) ดีขึ้น ซึ่งบริษัทวางเป้าหมาย GIM ไปที่ 13-14 เหรียญ/บาร์เรลจาก 7 เหรียญ/บาร์เรลในปัจุบัน เพราะทุกๆ 1 บาร์เรลจะทำให้บริษัทมีกำไร 2 พันล้านบาท
ขณะที่โครงการเพิ่มกำลังการผลิตสายผลิตภัณฑ์โพรพิลีน (โครงการ UHV) ขณะนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3/58 และจะช่วยทำให้ GIM เพิ่มขึ้นมาอีก 2-4 เหรียญ/บาร์เรล แต่ก็ขึ้นกับราคาผลิตภัณฑ์ ณ ขณะนั้นด้วย และปีหน้ากำลังการกลั่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนบาร์เรล/วัน จากปีนี้อยู่ที่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน โครงสร้างรายได้ของบริษัทเปลี่ยนมาเป็นสัดส่วนจากธุรกิจปิโตรเคมีเพิ่มเป็น 41% จาก 24% ในปัจจุบัน และลดสัดส่วนธุรกิจปิโตรเลียมเหลือ 59% จาก 76% ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นดีขึ้น
นายสุกฤต ยังกล่าวว่า ในไตรมาส 4/57 บริษัทจะมีข้อสรุปการตัดสินใจว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์ใดมาเป็นหลักแข่งขันในตลาด หรือทบทวนว่าสินค้าใดที่แข่งขันหรือนำมาพัฒนาเพื่อนำไปแข่งขันได้หรือไม่อย่างไร เพราะจุดแข็งของ IRPC คือมีการผลิตปิโตรเคมีครบวงจร แต่มีขนาดเล็กทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ดังนั้นจึงควรเลือกว่าธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใดจะเติบโตหรือมีอนาคต แต่หากผลิตภัณฑ์ใดไม่มีอนาคตก็อาจต้องยกเลิกการผลิตไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นสินค้าเม็ดพลาสติกที่สร้างความแตกต่างให้กับบริษัท ได้แก่ GREEN ABS, WOOD COMPASITS, ANTI BACTERIA ทั้งหมดนี้ได้เริ่มทำการตลาดแต่มูลค่าตลาดยังน้อยอยู่