สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 94,119 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 60,162 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 63.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 27,479 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 29.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,416 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB145B และ LB176A (รุ่นอายุ 5.2 ปี, 0.1 ปี และ 3.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 20,093 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL243A) มูลค่า 330.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 240.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH168A) มูลค่า 209.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 779.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,779 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,856 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,431 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.24% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลง ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. พันธบัตรรัฐบาล รุ่น Benchmark อายุ 5 ปี และ 15 ปีที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.88 และ 2.28 เท่าของวงเงินประมูล นักลงทุนรอติดตามรายงานการประชุม FOMC ประจำวันที่ 18-19 มี.ค. ที่จะเผยแพร่ออกมาคืนนี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,431 ล้านบาท