ประกอบกับ ในปีนี้บริษัทฯได้รับแรงหนุนจากธุรกิจสื่อทีวีดิจิตอลที่จะสามารถทำรายได้จากการขายกล่องรับสัญญาณ set top box เข้ามา โดยขณะนี้มียอดขายกล่องดังกล่าวแล้วเกือบ 100,000 กล่อง จากเป้าหมายที่คาดว่าจะทำได้ทั้งหมดราว 1 ล้านกล่อง
"ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท รายได้ของเราน่าจะเติบโตได้ดี จากไตรมาสแรก ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าไตรมาส 2และไตรมาส 3 รายได้น่าจะเติบโตได้มากกว่านี้ ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้ามาอีกด้วย"นายวัฒน์ชัย กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่ม SAMART ยืนยันว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่ส่งผลกนะทบกับตัวบริษัทฯ โดยยังคงเดินหน้านำ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์(OTO) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล(Contact Center)ครบวงจร ครอบคลุมการออกแบบติดตั้งระบบ การบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ตลอดจนการจัดหาและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่ได้มาตรฐานโลก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ตามแผน คาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนได้ในวันที่ 15 พ.ค.นี้