CGS มองหุ้นไทยเม.ย.การเมืองกดดัน หากลากถึงปลายQ3คาดจีดีพีปีนี้อาจลบ1%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 10, 2014 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) มองแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยเดือนเม.ย.ว่า ผลจากการชุมนุมทางการเมืองได้กระทบต่อการบริโภค และการลงทุนในประเทศโดยตรง นอกจากนี้ การท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หดตัวรุนแรง รวมทั้งโครงการภาครัฐที่ล่าช้าออกไปทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า หากปัญหาการเมืองยังไม่ยุติ และจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่ทันครึ่งปีแรก เศรษฐกิจจะไม่ขยายตัว และหากเลยไปจนถึงปลายไตรมาส 3/57 ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เศรษฐกิจในปีนี้อาจติดลบ 1%

การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ดำเนินมาแล้วกว่า 5 เดือน ผลกระทบที่เห็นชัดเจนคือกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งรองประธานสภาอุตสาหกรรมเห็นว่า พื้นที่หลักที่ได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวคือบริเวณกลางเมือง โดยคาดว่าเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 1/57 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงประมาณ 1.1 ล้านคน และสูญเสียรายได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชียทั้งจีน ฮ่องกง เกาหลี และญี่ปุ่น และหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ อาจทำให้สูญเสียรายได้ตลอดทั้งปีประมาณ 9 หมื่นล้านบาท แม้ กปปส.จะย้ายการชุมนุมเหลือจุดเดียว แต่ยังมีการเคลื่อนไหวไปในที่ต่างๆ ดังนั้น ผลกระทบจึงยังไม่ลดลงนัก และจะทำให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ง่าย

ทั้งนี้ การส่งออกไทยปี 2557 จะขยายตัวเพียง 3-5% จากแรงกดดันของปัญหาความขัดแย้งจากยูเครนและรัสเซีย รวมถึงปัญหาธนาคารในจีนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะการเงินโลก การที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน จะทำให้การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติอาจจำกัดสัดส่วนมากกว่าประเทศอื่นที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจดีกว่าและปัญหาการเมืองที่น้อยกว่า

สำหรับกำไรปี 2557 ของบริษัทจดทะเบียน เราใช้การประเมินจาก bottom up โดยพิจารณาจากหุ้นรายบริษัทที่เราประมาณการพบว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) จะมีการขยายตัวเพียง 4.5% และเมื่อรวมกับหุ้นที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดอีกราว 1.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนราว 1.5% ของมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ทำให้เราใช้ตัวเลขที่จะเพิ่มขึ้นของ EPS ที่ 5%

จากการนำการเติบโตของ EPS มาคำนวณในอนาคต จะได้ EPS ณ สิ้นปี 2557 ที่ 94.29 บาท เราสามารถจัดลำดับค่า PE จาก 12-17 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยส่วนต่ำและส่วนสูงโดยคร่าวๆ ในรอบ 10 ปี จะทำให้กรอบดัชนีอยู่ระหว่าง 1,131 - 1,603 จุดในปี 2557 แต่เราพอใจที่จะมองว่ากรอบ 14-16 เท่า หรือหาก SET ต่ำกว่า 1,320 จุดเป็นระดับที่น่าลงทุน และ 1,509 จุดเป็นระดับ Fully Value

การลงทุนยังวิตกกังวลทั้งการเมืองในประเทศ และปัญหาในจีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่จากสัญญาณซื้อทางเทคนิคโดยมีแนวต้าน 1,380 จุด เรามองว่าเป็นโอกาสในการขายทำกำไรที่แนวดังกล่าว โดยการลงทุนจะเต็มไปด้วยความระมัดระวังจากประเด็นภายในประเทศและปัจจัยกังวลสถาบันการเงินในจีน โดยกลยุทธ์เน้นเลือกลงทุนหุ้นรายตัวจากอุตสาหกรรมเด่น

โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่เคยถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นดาวรุ่งในรัฐบาลชุดก่อน กลายมาเป็นกลุ่มที่ขาดปัจจัยบวก เนื่องจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐต้องรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ดังนั้นกลุ่มนี้จึงต้อง wait & see ทั้งนี้หุ้นเด่นเป็น STEC ที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าใคร อสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มที่ได้ผลกระทบจากการเมืองโดยตรง เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำ ระบบธนาคารคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ จึงทำให้รายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญและอาจต่อเนื่องถึงต้นปี 2557 หุ้นโดดเด่นเน้นศักยภาพการทำกำไรได้แก่ SPALI

ICT จุดเด่นของกลุ่มนี้ยังอยู่ที่อัตราปันผลสูง (High Dividend Yield) และพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น INTUCH และ JAS เนื่องจากมีการเติบโตโดดเด่นกว่าบริษัทอื่น กลุ่มธนาคาร เป็นห่วงการขยายตัวของสินเชื่อ หลังเดือนมกราคม 2557 ขยายตัวเพียง 0.1% และหากการเมืองยังคงยืดเยื้อจะทำให้กลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบโดยตรง เราจึงเลือกหุ้นที่ค่า PE ต่ำ และปันผลเด่นอย่าง KTB อีกทั้งประเมินสินเชื่อเติบโตเด่นในปี 2557 ถึง 11%

ส่วนพลังงาน มองอารมณ์ (Sentiment) ของการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้จะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 2/57 เราจึงเลือกแนะนำหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งจะปลอดภัยจากอิทธิพลของแนวโน้มของราคาน้ำมัน CKP เป็นหุ้นที่เราสนใจสำหรับงวดนี้

โดย SET เดือนเมษายน 2557 มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,370 – 1,380 จุด หากผ่านไปได้จะออกจากแนวโน้มขาลง โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,430 – 1,450 จุด และมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นเหนือ 1,650 จุดในปี 2557

ระยะสั้นจึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวต้านที่ 1,370 – 1,380 จุด และซื้อเก็งกำไรตามอีกครั้งเมื่อยืน 1,380 จุดได้ เป้าหมายถัดไปที่ 1,430 – 1,450 จุด ส่วนระยะกลางถึงยาว แนะนำถือหุ้นต่อ และซื้อสะสมเพิ่มช่วงอ่อนตัว เพื่อรอขายที่บริเวณ 1,430 – 1,450 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ