สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB145B และ LB196A (รุ่นอายุ 3.2 ปี, 0.1 ปี และ 5.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,199 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (TLT155A) มูลค่า 284.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL193A) มูลค่า 255.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL193B) มูลค่า 245.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 785.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,958 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,231 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,788 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.22% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลง ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED หลังรายงานการประชุมของ FED ส่งสัญญาณว่าต้องการให้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯลดลงสู่ระดับเป้าหมายก่อนจึงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ด้านตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข Jobless Claims ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 9,788 ล้านบาท